Asahi Group บริษัทผู้ผลิตเบียร์และเครื่องดื่มรายใหญ่ของแดนซามูไร ได้ออกมารายงานว่าการคว่ำบาตรสินค้าอุปโภคบริโภคแบรนด์ญี่ปุ่นของชาวเกาหลีใต้ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทหายไป 3,000 ล้านเยน หรือประมาณ 850 ล้านบาท
“ผลกระทบยังเกิดขึ้นต่อเนื่องมาถึงปีนี้” อัตสึชิ คัตสึกิ ผู้บริหารอาวุโส Asahi Group กล่าวพร้อมกับเสริมว่านอกจากยอดขายที่ลดลงแล้ว บริษัทยังต้องนำสินค้าที่หมดอายุไปทำลายอีกด้วย
ตามข้อมูลจาก Euromonitor แบรนด์ Asahi Super Dry ถือเป็นแบรนด์เบียร์นำเข้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแดนโสม
การแบนสินค้าญี่ปุ่นของชาวเกาหลีใต้เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม หลังรัฐบาลญี่ปุ่นออกมาตรการควบคุมการส่งออกสารเคมีที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ ก่อนจะเกิดการโต้ตอบของสองรัฐบาลจนนำมาสู่การแบนสินค้าในหมู่ประชาชน
‘เบียร์ญี่ปุ่น’ กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ถูกเลือก เพราะตามสถิติเกาหลีใต้สั่งซื้อเบียร์ญี่ปุ่นมูลค่า 7.9 พันล้านเยน หรือประมาณ 2.3 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของการส่งออกเบียร์ไปต่างประเทศ นั่นทำให้เกาหลีใต้เป็นลูกค้าเบียร์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
การส่งออกเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เกิดกระแสการแบน โดยเริ่มเห็นได้ชัดเจนในเดือนสิงหาคม เมื่อยอดส่งออกลดลง 92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และถึงจุดต่ำสุดในเดือนตุลาคม ซึ่งยอดส่งออกลดลง 99.99% จากช่วงเดียวกันที่สามารถส่งออกได้มูลค่า 800 ล้านเยน หรือ 227 ล้านบาท
จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ Asahi เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่แบรนด์อื่นๆ เช่น Kirin และ Sapporo รวมไปถึง Uniqlo ยักษ์ใหญ่ฟาสต์แฟชั่น ซึ่งมีรายงานยอดขายลดลง 40% ในช่วงที่เกิดกระแสต่อต้านใหม่ๆ จนถึงขนาดต้องปิดสาขาใจกลางกรุงโซล
ทั้งนี้ Asahi Group รายงานกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) ลดลง 4.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนมาอยู่ที่ 2.01 แสนล้านเยน หรือ 5.69 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากค่าเงินเยนที่แข็งขึ้น คาดว่าปี 2020 จะเติบโต 1% เป็น 2.03 แสนล้านเยน ประมาณ 5.75 หมื่นล้านบาท
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
