×

เตรียมออกหมายจับเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวข้อพิพาท ส.ป.ก. เขาใหญ่ รู้ตัวนายทุนกำลังทรัพย์สูงเป็นเจ้าของ 1 จุด

โดย THE STANDARD TEAM
11.03.2024
  • LOADING...
ส.ป.ก. เขาใหญ่

วันนี้ (11 มีนาคม) ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เข้าพบ เทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อหารือกรณีตรวจสอบพบว่ามีกลุ่มเกษตรกร หรือบุคคลบางคนหรือบางกลุ่ม กระทำความผิดในเขตปฏิรูปที่ดิน 

 

เช่น การลักลอบขุดดินเพื่อนำออกจำหน่าย และการใช้ประโยชน์ในที่ดินผิดวัตถุประสงค์ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม รวมถึงพบว่ามีเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. นครราชสีมา ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 

 

ธนดลระบุว่า หน่วยงาน ส.ป.ก. ก่อตั้งมานาน 49 ปีแล้ว ที่ผ่านมามีการตรวจสอบกระบวนการทำงานมาโดยตลอด แต่จากนี้ต้องการตรวจสอบให้เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจต้องมีมาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยอาจใช้อำนาจการปฏิรูปที่ดิน ทำหนังสือถึงผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินก่อน ว่าจะขอเพิกถอนการจัดสรรที่ดิน 

 

แต่หากผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินไม่ยินยอม ก็อาจต้องมีวิธีที่เป็นยาแรงในการจัดการ และยาแรงที่สุดก็ต้องอาศัยอำนาจของ ปปง. ในการดำเนินการ ดังนั้นวันนี้จึงจะขอปรึกษาหารือกับเลขา ปปง. เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับ ปปง. และปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ภายหลังการหารือ ธนดลกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่ดินซึ่งมีข้อพิพาทเรื่องโฉนด ส.ป.ก. ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พบความผิดปกติของเจ้าหน้าที่รัฐที่ชัดเจนแล้ว 2 ราย และเจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับเร็วๆ นี้ 

 

นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่รัฐที่จะต้องสอบสวนเพิ่มเติมอีก 7 ราย ว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่ ส่วนเกษตรกรที่ได้รับการจัดสรร พบ 4-5 ราย จากทั้ง 3 จุดที่ได้ลงพื้นที่ และทราบตัวนายทุนแล้ว 1 ราย โดยเป็นนายทุนที่มีกำลังทรัพย์สูงมาก ไม่ได้เป็นเกษตรกร แต่กลับมีชื่อเป็นผู้ถือครองที่ดิน 1 จุด ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐานดำเนินการ 

 

ธนดลกล่าวว่า เบื้องต้นยังตรวจสอบไม่พบนักการเมือง พร้อมยืนยันว่าทางกระทรวงเกษตรฯ มีความตั้งใจที่จะหาตัวนายทุนและผู้กระทำความผิดทุกรายมาดำเนินคดี พร้อมขอเวลาเจ้าหน้าที่ได้ทำงานอีกสักระยะจึงจะมีความชัดเจน

 

ด้านวิณะโรจน์กล่าวว่า จากการหารือกับ ปปง. พบว่า คดีนี้เข้าข่ายความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ในเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตต่อหน้าที่ และความผิดเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะเป็นการค้า 

 

ซึ่ง ปปง. จะมีการตั้งอนุกรรมการตรวจสอบคดีนี้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. , อัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลที่ดินของรัฐ ร่วมเป็นคณะกรรมการ และจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทำงานด้วยกันโดยเร็วที่สุด ก่อนจะออกแนวทางมาบังคับใช้ ทั้งนี้จะต้องมีความผิดทั้งผู้ให้และผู้รับการจัดสรรที่ดิน

 

ขณะที่ทาง ส.ป.ก. เองก็จะต้องดูแลที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งเป็นพื้นที่ทรัพยากรธรรมชาติ ให้เป็นไปตามหลักกฎหมายอย่างถูกต้อง และขับเคลื่อนการกำกับดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความชอบธรรมโปร่งใส โดยเบื้องต้น ส.ป.ก. จะจัดทำรายชื่อผู้ถือครองที่ดิน ส.ป.ก. ติดประกาศทุกอำเภอ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมตรวจสอบ รวมถึงจัดตั้งอนุกรรมการระดับอำเภอ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ด้วย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising