สำหรับ Apple การเป็นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอาจไม่เพียงพอ เพราะล่าสุดได้กระโดดเข้าสู่ ‘วงการธนาคาร’ เต็มตัว ผ่านการเปิดตัว ‘บัญชีเงินฝากออมทรัพย์’ ที่ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 4.15% ต่อปี
แถลงการณ์ของ Apple ย้ำว่า คุณสมบัติสำคัญที่สุดที่ผู้ใช้งานต้องมีในการเปิดบัญชีก็คือการเป็นเจ้าของ Apple Card เท่านั้น ซึ่งบัตรดังกล่าวเป็นบัตรเครดิตของ Apple และออกโดยธนาคาร Goldman Sachs เพื่อใช้กับ Apple Pay บนอุปกรณ์ของ Apple เช่น iPhone, iPad, Apple Watch หรือ Mac
บัญชีออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงซึ่งใช้ร่วมกับบัตรเครดิตของ Apple เป็นหนึ่งในการเคลื่อนไหวล่าสุดของบริษัทเทคโนโลยีในการที่จะรุกบริการทางการเงิน ซึ่งรวมถึงตัวเลือกให้ลูกค้าสามารถ ‘ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง’ (Buy Now, Pay Later) ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Apple ยังเหลือเงินสดในมืออีก 1.65 แสนล้านดอลลาร์ แม้จะปันผลและซื้อหุ้นคืนไปแล้วกว่า 1 แสนล้าน
- Apple ประกาศจับมือ Goldman Sachs เปิดตัว ‘บัญชีออมทรัพย์’ ที่ให้ดอกเบี้ยสูง เริ่มใช้กับผู้มี Apple Card ก่อน
- เมื่อ Apple บุก ‘ธุรกิจสินเชื่อ’ ตั้งบริษัท ‘Apple Financing’ เสริมทัพบริการ ‘ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง’
Apple ร่วมมือกับ Goldman Sachs เพื่อเสนอตัวเลือกเหล่านั้นแก่ผู้บริโภค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Apple ในการแปลง iPhone ให้เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่สามารถช่วยให้ผู้บริโภคเชื่อมโยงกับระบบนิเวศของซอฟต์แวร์ที่อยู่เบื้องหลังอุปกรณ์ของตัวเอง
บัญชีออมทรัพย์ไม่จำเป็นต้องมีเงินฝากขั้นต่ำและได้รับการคุ้มครองโดย Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) โดยมียอดเงินคุ้มครองสูงสุด 250,000 ดอลลาร์
ขณะเดียวกัน หลังจากที่เปิดบัญชีเงินฝากแล้ว Daily Cash หรือ Cash Back จากการซื้อผลิตภัณฑ์ Apple จะถูกโอนเข้าสู่บัญชีเงินฝากดังกล่าวโดยอัตโนมัติ และเจ้าของบัญชียังสามารถโอนเงินจากบัญชีธนาคารเพิ่มเติมเข้าสู่บัญชีเงินฝากดังกล่าวของ Apple ได้
อย่างไรก็ตาม บริการบัญชีเงินฝากดังกล่าวยังจำกัดเฉพาะผู้ที่อยู่ในสหรัฐฯ เท่านั้น
ทั้งนี้ ตามข้อมูลของ FDIC บอกว่าอัตราผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีของบัญชีออมทรัพย์ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 0.35% เท่านั้น ดังนั้นการที่อัตราผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของ Apple ซึ่งอยู่ที่ 4.15% ต่อปี จึงถือได้ว่าอยู่ในระดับสูง กระนั้นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะบรรดาสหภาพสินเชื่อขนาดใหญ่ ธนาคารออนไลน์ และธนาคารที่มีหน้าร้านจริง ต่างแข่งขันกันนำเสนอบัญชีออมทรัพย์ผลตอบแทนสูงเพื่อดึงดูดลูกค้าอยู่ในเวลานี้
ยกตัวอย่างเช่น ธนาคาร CIT Bank เสนอบัญชีออมทรัพย์พร้อมอัตราผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีที่ 4.75% เมื่อลูกค้าฝากเงินขั้นต่ำ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วน Marcus by Goldman Sachs มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 3.9% โดยไม่มียอดเงินขั้นต่ำหรือค่าธรรมเนียมรายเดือน ขณะที่บัญชีออมทรัพย์ของ Capital One ไม่มียอดเงินขั้นต่ำ และผู้ใช้สามารถรับอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 3.5% และ Vio Bank เสนอบัญชีออมทรัพย์พร้อมอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 4.77% โดยไม่มียอดเงินขั้นต่ำ
Yiming Ma ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการเงินแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่ดีเมื่อรวมกับการรับรู้ถึงแบรนด์ที่มีอยู่ของ Apple อาจดึงดูดใจลูกค้าใหม่เป็นพิเศษ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของอุตสาหกรรมการธนาคารหลังจากการล่มสลายของ Silicon Valley Bank
“ฉันคิดว่าสิ่งพิเศษในกรณีนี้คือความเป็น Apple คือ Apple” ศาสตราจารย์ Ma กล่าว “ทุกคนรู้ว่า Apple คืออะไร และหลายคนมี Apple Card อยู่แล้ว”
Apple ยังทำงานร่วมกับบางรัฐในสหรัฐอเมริกาเพื่อสร้างใบขับขี่เวอร์ชันดิจิทัลที่ถูกกฎหมาย รายได้จากผลิตภัณฑ์เหล่านี้รายงานในหน่วยธุรกิจบริการ ซึ่งรวมถึงยอดขายจากค่าคอมมิชชัน App Store สำหรับซอฟต์แวร์เกมและเพลง และการชำระเงินจาก Alphabet Inc. เพื่อให้ Google เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นที่ใช้ใน Safari ของ Apple บน iPhone
รายรับจากบริการสูงถึง 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นประมาณ 14% จากปีก่อนหน้า
อ้างอิง: