Bloomberg Intelligence คัดเลือก 50 บริษัทมหาชนที่น่าจับตามองประจำปี 2023 จากบริษัททั้งหมด 2,000 แห่ง ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น สื่อสาร สินค้าโภคภัณฑ์ การเงิน ไปจนถึงอุตสาหกรรมอาหาร
สำหรับไอเดียในการจัดทำลิสต์ดังกล่าวเป็นการผสมผสานมุมมองที่หลากหลายและปัจจัยที่อาจจะเข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การวิเคราะห์ครั้งนี้พิจารณาจากหลากหลายปัจจัย เช่น แนวโน้มการเติบโต ความทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อสูง การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูง และแผนในการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567
จากลิสต์ข้างต้นมีบริษัทไทยเพียง 1 บริษัทที่ถูกคัดเลือกเข้ามา คือ บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT
อย่างไรก็ตาม Denise Wong นักวิเคราะห์ของ Bloomberg มองว่าการฟื้นตัวของยอดขายทั้งในส่วนของร้านค้าปลีกและดิวตี้ฟรีอาจจะถูกบั่นทอนจากส่วนผสมของผู้โดยสารและรูปแบบการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไป ทำให้รายได้ของ AOT มีความเสี่ยงจะต่ำกว่าประมาณการของ Consensus ราว 15%
นักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มจะใช้จ่ายลดลง และถูกกดดันจากกำลังซื้อที่ลดลง ขณะที่รายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์จากร้านค้าปลีก (Retail Concession Revenue) มีแนวโน้มจะทำได้ต่ำกว่าการฟื้นตัวของผู้โดยสาร แม้ว่าผู้โดยสารชาวจีนจะกลับมา แต่ด้วยภาษีที่ลดลง กระตุ้นให้ผู้โดยสารเลือกซื้อสินค้านำเข้ามากกว่า แต่โดยภาพรวมแล้วรายได้ของ AOT ยังมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น 123% จากปีก่อน
ในมุมกลับกัน อีกสองบริษัทในอุตสาหกรรมการบินในลิสต์ 50 หุ้นที่ต้องจับตามอง คือ Airbus และ Singapore Airlines ดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่สดใสมากกว่าจากมุมมองของนักวิเคราะห์ Bloomberg
George Ferguson ระบุว่า Airbus ดูมีอนาคตที่สดใสมากขึ้น ด้วยการเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงของยุโรป และการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานของบริษัท ช่วยให้อัตราการต่อเครื่องบินเร็วขึ้น อย่างรุ่น A320 ที่มีอัตรากำไรสูงที่สุด เดิมทีสร้างได้ 45 ลำต่อเดือน คาดว่าจะเพิ่มเป็นกว่า 60 ลำต่อเดือนภายในครึ่งปีหลังของปีนี้ และด้วยความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ทำให้ Airbus ได้คำสั่งซื้อบางส่วนมาจาก Boeing
ขณะที่ Tim Bacchus มองว่า Singapore Airlines มีแนวโน้มจะฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับ 75% ของปี 2019 และกำไรในปีนี้มีโอกาสจะทำได้ดีกว่า Consensus หนุนจากความสามารถในการบรรทุกผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง การปรับราคาค่าขนส่งสินค้า และต้นทุนพลังงานที่ลดลง ด้วยกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งทำให้บริษัทอาจจะใช้สิทธิ์ไถ่ถอนหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกขายช่วงโควิด หรือแม้กระทั่งซื้อกิจการเพิ่มเติม
นอกจากอุตสาหกรรมการบินแล้ว อีกหนึ่งบริษัทในลิสต์ที่น่าจับตามองคือ LVMH ภายใต้การนำของ Bernard Arnault ซีอีโอ และมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประจำปี 2022
Deborah Aitken มองว่าผู้ผลิตสินค้าแฟชั่นหรูอย่าง LVMH จะได้อานิสงส์จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดของจีน ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% ด้วยแรงหนุนจากกลุ่มไวน์และสปิริต น้ำหอม และเครื่องสำอาง แต่ในส่วนของสินค้าแฟชั่น เช่น กระเป๋าหนัง ยังคงถูกกดดันจากราคาที่สูงขึ้น
ด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในลิสต์นี้ โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่ม Big Tech อย่าง Meta, Microsoft และ Netflix ดูเหมือนจะเป็นปีที่ดีและแย่แตกต่างกันไป
สำหรับบริษัทแม่ของ Facebook อย่าง Meta เผชิญกับความยากลำบากในปี 2022 และอาจจะยังไม่ดีนักในปีนี้ บริษัทกำลังเผชิญกับการเติบโตที่ลดลง เนื่องจากธุรกิจโฆษณาชะลอตัว และต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาธุรกิจ AR/VR รวมทั้งค่าใช้จ่ายสำหรับผู้สร้างคอนเทนต์ของ Reels จะกดดันมากขึ้น
Microsoft มีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้ตามการฟื้นตัวของธุรกิจคลาวด์ ส่วน Netflix มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการสนับสนุนของรายได้โฆษณา ซึ่งนักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เข้ามาชดเชยส่วนที่ผู้ใช้งานปรับลดแพ็กเกจการใช้งานไปยังส่วนที่ถูกลง
สำหรับผู้ที่สนใจว่าบริษัทอื่นๆ ในลิสต์ 50 บริษัทที่ต้องจับตามองประจำปี 2023 มีบริษัทอะไรอีกบ้าง สามารถอ่านได้จาก 2023 Stocks to Watch: Top Picks Include EBay, Porsche (bloomberg.com)
อ้างอิง: