เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) รายงานกำไรสุทธิ 3.4 พันล้านบาทใน 4QFY66 (กรกฎาคม-กันยายน 2566) ฟื้นตัวจากการขาดทุนสุทธิ 1.3 พันล้านบาทใน 4QFY65 และเพิ่มขึ้น 9%QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย กำไรสุทธิออกมาตามตลาดคาด แต่ต่ำกว่า INVX คาด 14% จากรายการพิเศษและค่าใช้จ่ายของพนักงานที่เพิ่มขึ้น
หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท ฟื้นตัวจากการขาดทุนปกติ 1.1 พันล้านบาทใน 4QFY65 และเพิ่มขึ้น 12%QoQ สำหรับปี FY2566 (ตุลาคม 2565 – กันยายน 2566) AOT รายงานกำไรสุทธิ 8.8 พันล้านบาท ฟื้นตัวจากการขาดทุนสุทธิ 1.11 หมื่นล้านบาทในปี FY2565
รายการที่สำคัญใน 4QFY66 ดังนี้
- AOT รายงานจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งหมด 25.7 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 48%YoY และ 3%QoQ, 75% ของระดับก่อนเกิดโควิด) ซึ่งประกอบด้วยผู้โดยสารระหว่างประเทศ 15.0 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 102%YoY และ 8%QoQ, 73% ของระดับก่อนเกิดโควิด) และผู้โดยสารภายในประเทศ 10.7 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 7%YoY แต่ลดลง 3%QoQ, 80% ของระดับก่อนเกิดโควิด)
สำหรับปี FY2566 AOT รายงานจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งหมด 100 ล้านคน (71% ของระดับก่อนเกิดโควิด) ซึ่งประกอบด้วยผู้โดยสารระหว่างประเทศ 53.9 ล้านคน (64% ของระดับก่อนเกิดโควิด) และผู้โดยสารภายในประเทศ 46.2 ล้านคน (80% ของระดับก่อนเกิดโควิด)
- รายได้อยู่ที่ 1.54 หมื่นล้านบาทใน 4QFY66 เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6.6 พันล้านบาทใน 4QFY65 และเพิ่มขึ้น 19%QoQ รายได้ค่าบริการผู้โดยสาร (32% ของรายได้) เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 95%YoY และเพิ่มขึ้น 5%QoQ สู่ 4.9 พันล้านบาท และรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ (36% ของรายได้) เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 221%YoY และ 34%QoQ สู่ 5.6 พันล้านบาท หลังจากบริษัทกลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำตั้งแต่วันที่ 1 เมษาย 2566
- ต้นทุนการดำเนินงานของ AOT เพิ่มขึ้น 37%YoY และ 25%QoQ สู่ 9.3 พันล้านบาทใน 4QFY66 หลักๆ เกิดจากค่าใช้จ่ายพนักงาน (44% ของต้นทุนการดำเนินงาน) ซึ่งเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 93%YoY และ 54%QoQ จากค่าใช้จ่ายโบนัสที่เพิ่มขึ้น
กระทบอย่างไร:
วันที่ 21 พฤศจิกายน ณ เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น AOT ปรับลง 2.54% สู่ระดับ 67.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 0.42% สู่ระดับ 1,425.39 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี FY2567:
InnovestX Research ยังคงมุมมองที่ว่ากำไรปกติของ AOT จะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 2.6 หมื่นล้านบาทในปี FY2567 โดยอิงกับจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 75.6 ล้านคน (90% ของระดับก่อนเกิดโควิด) และคาดว่ากำไรปกติใน 1QFY67 (ตุลาคม-ธันวาคม 2566) ของ AOT จะเติบโต YoY และ QoQ อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงไฮซีซันของภาคการท่องเที่ยวไทย โดยจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศในเดือนตุลาคมและวันที่ 1-18 พฤศจิกายน เพิ่มขึ้นสู่ 75% และ 82% ของระดับก่อนเกิดโควิด ตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือนที่ Outperform สำหรับ AOT ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 84 บาทต่อหุ้น โดยอิงกับ WACC ที่ 7.2% และการเติบโตระยะยาวที่ 2%
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะทำให้ความต้องการเดินทางลดลง
