×

เปิดใจ อ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์ จากวัยรุ่นผู้เคยมีทฤษฎีดูแลผิวสุดแปลก สู่การเป็นตัวแทนความงามในวัยเลข 4

22.03.2019
  • LOADING...

ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะเห็น อ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์ พูดเรื่องความสวยความงามหรือเคล็ดลับการดูแลผิวพรรณของตัวเอง เมื่อ THE STANDARD มีโอกาสได้พูดคุยกับเธอเรื่องนี้โดยตรง ทำให้พบว่าในวัยรุ่นยุคฮอร์โมนที่เธอเพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ เธอมีความเชื่อเกี่ยวกับการดูแลผิวที่ชวนให้แปลกใจมากมาย แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่คาดคิดว่า จากวัยรุ่นที่เคยมีชุดความเชื่อผิดๆ ในการดูแลผิว วันหนึ่งจะกลายมาเป็น Face คนแรกของ THREE ประเทศไทย  ที่เผยผิวสุขภาพดีผ่านบุคลิกที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร

 

 

ความรู้สึกของการเป็น Face คนแรกของ THREE ประเทศไทย

อ้อม: อ้อมไม่คาดคิดมาก่อนเลยนะ คือคนเราพออายุเลยโค้ง 25 ไปแล้ว ก็คงไม่ค่อยได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องความสวยความงามสักเท่าไร คนเรามักจะเชื่อว่าตัวเองมีความสดใสสวยงามในช่วงวัยรุ่น จนถึงช่วงก่อนอายุ 30 ซึ่งยังเป็นวัยที่ดูสดใส ดูเป็นช่วงวัยที่แต่ละคนรู้สึกว่าฉันสวยเต็มที่ในวัยนี้แหละ แต่พอชีวิตมาถึงจุดโค้งช่วงอายุ 40 สำหรับบางคนอาจบอกว่ามันเป็นโค้งที่อาจจะดูมีวุฒิภาวะ แต่ไม่ได้เน้นไปในเรื่องความสวยงาม เพราะมันจะเน้นไปทางความมั่นคงของอารมณ์และภาพลักษณ์มากกว่า เป็นวัยที่อ้อมเน้นปรับตัวเอง และฝึกตัวเองในเรื่องของอารมณ์ แต่อ้อมไม่เคยคิดว่าสิ่งที่จะเข้ามาหาเรามันจะกลายเป็นเรื่องความสวยงาม เป็นสกินแคร์ หรือเป็นเรื่องของบิวตี้ ถ้าถามว่าเคยเป็นความฝันไหม ก็ต้องตอบว่าเคยนะ อ้อมว่าผู้หญิงหลายคนน่าจะเคยอยากเป็นคนสวยๆ ที่อยู่ในโปสเตอร์หรือในโฆษณาผลิตภัณฑ์ความงาม

 

การเตรียมตัวเพื่อเป็นตัวแทนความงาม
อ้อม: ก็ต้องเตรียมตัวให้เขานิดหนึ่ง (หัวเราะ)​ ในจุดหนึ่งจะบอกไม่เตรียมตัวเลยก็ไม่ได้ เพราะว่าเวลาที่เราจะถ่ายงานที่เกี่ยวกับสกินแคร์ การเตรียมตัวที่ดีที่สุดในแบบของอ้อมคือต้องไม่สร้างปัญหาผิวเพิ่ม เลยต้องให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดใบหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าตั้งใจล้างหน้ามากขึ้น ทาครีมบำรุง และหันมาทาครีมกันแดด บางวันก็ต้องมาสก์หน้าเพิ่ม เช่น มาสก์โคลน แต่เรื่องมาสก์หน้าเนี่ย พอมาสก์โคลนมากเกินไปมันจะเจอกับปัญหาหน้าแห้ง ช่วงก่อนถ่ายทำเลยคิดว่าเราจะทำให้หน้าแห้งไม่ได้ เลยต้องเติมความชุ่มชื่นแทน

 

 

แปลว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่เข้าวงการมา ไม่เคยตั้งใจดูแลผิวอย่างดีเลย

อ้อม: อ้อมเข้าวงการตั้งแต่อายุ 14 อยู่ในวงการนี้มันต้องแต่งหน้าใช่ไหมคะ ตอนนั้นอ้อมมีความเชื่อว่าเราจะทำหน้าเราเจ๊งยังไงก็ได้ ถ้าโครงหน้าเรายังโอเค เพราะช่างแต่งหน้าจะกลบปัญหาผิวต่างๆ ให้เราได้ อย่างตอนถ่ายแฟชั่น แม้จะหน้าโทรมแค่ไหน แต่เมกอัพจะช่วยกู้หน้าเราได้ มันมีวิธีการปกปิดสารพัดที่ช่างแต่งหน้าทำได้ พอไปเจอแสงไฟมันก็ช่วยให้ภาพออกมาดีอีก ซึ่งมันทำให้เราเกิดนิสัยบางอย่างติดตัวมาเหมือนกันนะ คือเราจะถือว่าเรามีโครงหน้าที่โอเค เราจะล้างหน้ายังไงก็ได้ แต่พอวันนี้เราต้องมาถ่ายบิวตี้ มาถ่ายผิวโดยตรง อ้อมจึงรู้สึกว่าต่อให้เป็นช่างแต่งหน้าจากญี่ปุ่นที่เป็นมือหนึ่งมาแต่งหน้าให้ เขาก็คงจะแต่งหน้าให้อ้อมได้อย่างดีอยู่แล้ว แต่ถ้าอ้อมเตรียมตัวมาดี งานมันก็จะดีขึ้นไปอีกเท่าตัว เวลาเราทำงานอะไรสักอย่างหนึ่ง อ้อมว่าความตั้งใจเป็นสิ่งสำคัญ เราถ่ายแบบบิวตี้ที่เป็นงานผิว ถ้าผิวเราไม่ดี แล้วใครจะเชื่อถูกไหม มันต้องคิดเผื่อไปอีกว่าสมมติถ่ายงานนี้เสร็จ อ้อมไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ต หรือเดินผ่านเคาน์เตอร์แล้วมีคนเห็นแล้วมองว่า อ้าว! ทำไมไม่เหมือนปกเลยวะ (หัวเราะ) มันก็อายนะ คือแม้เราจะรู้อยู่แล้วว่าการถ่ายแบบมีเมกอัพ แสง และไฟคอยช่วยให้ภาพดูดี แต่ผิวจริงของเราก็ไม่ควรทิ้งตัวห่างกันเกินไปนัก เลยทำให้อ้อมใส่ใจกับการดูแลผิวมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย

 

ได้ข่าวว่าช่วงวัยฮอร์โมนมีวีรกรรมการดูแลผิวที่แปลกประหลาดไม่เบา

อ้อม: อายุ 14 อ้อมใช้ทิงเจอร์ทาหน้าน่ะคิดดู เวลาสิวโผล่ปุ๊บก็จะชอบคิดว่าเอาทิงเจอร์มาแต้มสิวแล้วมันจะยุบ บางวันก็ใช้ยาสีฟันมาแต้มสิว เรื่องยาสีฟันแต้มสิวนี่เราได้ยินมาว่า ต้องเป็นยาสีฟันสีขาวด้วยนะ สีอื่นใช้ไม่ได้ ถ้าจะแต้มให้สิวยุบต้องใช้ยาสีฟันสีขาว ส่วนทิงเจอร์เนี่ย อ้อมคิดเองว่ามันใช้ได้ เพราะเราคิดว่าทิงเจอร์เนี่ยมันก็เป็นยาสามัญประจำบ้านที่เอาไว้ทาแผลสด แล้วสิวเนี่ยในความคิดของเรามันก็คือแผลสด ก็เลยเอามาทา ถามว่าทาแล้วเวิร์กไหม มันก็ยุบนะ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันยุบด้วยตัวมันเอง หรือว่ามันยุบด้วยฤทธิ์ยาทิงเจอร์ แล้วพอเริ่มทำงานในวงการแล้วก็ผ่านการแต่งหน้าแทบทุกวัน การลบเครื่องสำอางออกจากหน้าในตอนนั้น วิธีคือลบหน้าด้วยอัตราความแรงเท่ากับคนถูบ้าน อ้อมไถหน้าตัวเองแรงๆ ได้เลย อ้อมไม่แคร์ กันแดดไม่เคยทา เป็นคนประมาณนั้น ซึ่งก็เป็นช่วงวัยที่ยังคิดอะไรเด็กๆ ยังไม่แคร์กับผลที่จะตามมาเท่าไร

 

สไตล์การดูแลตัวเองยุคมัธยมฯ ที่ไม่เคยซ้ำใคร

อ้อม: ในตอน ม.ปลาย กับช่วงมหาวิทยาลัย อ้อมกลับรู้สึกว่าความดูสกปรกดูเซอร์เนี่ยมันดูดีนะ คือไม่ได้หมายความสกปรกแบบน้ำไม่อาบนะ แต่หมายถึงการสไตลิ่งตัวเองให้เป็นแบบใส่ชุดรุงรัง ใส่กระโปรงตัวใหญ่ๆ ความยาวเลยลงมาถึงหน้าแข้ง ดึงถุงเท้าขึ้นสูงๆ ผมรวบมัดหลวมๆ แล้วปล่อยปอยลงมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอ้อมเอาชุดความคิดนั้นมาจากไหนว่ามันโอเค ซึ่งสวนทางกับเพื่อนผู้หญิงของเราหมดเลย ที่เขาจะรวบผมเรียบร้อย ติดโบใหญ่ๆ เด็กรุ่นนี้อาจจะไม่รู้จัก แต่รุ่นอ้อมจะมีช่วงหนึ่งที่นิยมทำผมเป็นกะบังข้างหน้า ต้องยกกะบังกันขึ้นมาแล้วติดโบใหญ่ๆ ซึ่งเป็นเทรนด์แฟชั่นในโรงเรียนที่มันลำบากกับทางเรา นึกออกไหม เราไปไม่ถึงจุดนั้น อ้อมก็เลยครีเอตเทรนด์ส่วนตัวขึ้นมาเอง ในเมื่อเราไปทางเขาไม่ได้ เราก็มาทางของเราให้สุด เลยพูดได้ว่ายุคนั้นอ้อมไม่ได้รักสวยรักงามอะไรมาก เรื่องใบหน้ากับเรื่องเท้าเนี่ย ถ้าเปรียบเทียบกัน อ้อมใส่ใจสุขภาพและความสะอาดของเท้ามากกว่าด้วยซ้ำ เพราะอ้อมรู้สึกว่าเท้าเป็นอวัยวะที่น่าสงสาร เท้าแบกรับนำ้หนักของเราทั้งหมด การดูแลเท้าในแบบของเราก็จะไปซื้ออุปกรณ์ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการสครับ การขัดถู อะไรต่างๆ ที่เกี่ยวกับเท้าอ้อมซื้อง่าย ซื้อเก่ง แต่ทุกวันนี้อ้อมห่วยในเรื่องการตัดเล็บเท้าอยู่นะ เวลาตัดเล็บก็ต้องให้คนอื่นทำเล็บให้ถึงจะเรียบร้อย

 

สำรวจบนโต๊ะเครื่องแป้งจากยุคสุดเซอร์กันบ้าง

อ้อม: สกินแคร์แทบไม่มี แต่สิ่งที่มีเยอะคือน้ำหอม แล้วก็บอดี้โลชั่น ซึ่งอ้อมใช้หลายแบรนด์เลย ถ้าเป็นเรื่องน้ำหอมนี่จะทุ่มเท เพราะอ้อมเป็นคนให้ความสำคัญกับกลิ่นและฟีลลิ่งของแต่ละวัน ถ้าวันไหนรู้สึกว่าอยากสดชื่น อยากมีกลิ่นตัวที่หอมแบบป่าๆ ก็จะใช้กลิ่นแนวนั้น วันไหนอยากจะหอมแบบผลไม้ ก็จะมีน้ำหอมกลิ่นแนวฟรุตตี้ ยุคนั้นก็มีนำ้หอมเป็นสิบขวดอยู่บนโต๊ะ รวมทั้งบอดี้โลชั่นด้วย ถึงเราอาจจะดูเป็นคนเซอร์ๆ ที่ถ้าเซอร์อีกนิดเดียวจะเรียกว่าสกปรกได้ แต่ถ้าใครเดินผ่านเราต้องรับรู้ถึงกลิ่นหอมที่สะอาด มันเป็นเสน่ห์ความหอมที่เปลี่ยนได้ทุกวันเลยนะ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องย้ำว่าเสน่ห์ที่สำคัญที่สุดคือความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ผู้หญิงหรือผู้ชาย ความสะอาดของเนื้อตัว เสื้อผ้า หรือเล็บมือเล็บเท้าเป็นเรื่องสำคัญนะคะ

 

 

สเตปการดูแลผิวปัจจุบัน

อ้อม: แต่ก่อนอาจจะใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์แบบคละแบรนด์โน้นแบรนด์นี้ แต่ตอนนี้ก็ตั้งใจว่า เอาวะ ไหนลองบูสต์อัปตัวเองขึ้นมาเพื่อดูว่าเมื่อเราดูแลผิวตามสเตปมันจะเป็นยังไง แต่อ้อมไม่ได้ใช้สเตปใหญ่เหมือนใครๆ อ้อมเลือกใช้สกินแคร์ตัวที่จำเป็น เช่น เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเหมาะสมกับสภาพผิว ตามด้วยครีมบำรุง และปิดท้ายด้วยครีมกันแดดเสมอ คือปัญหาผิวที่อ้อมเจอส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของสีผิวไม่สม่ำเสมอ กับเวลาที่เรานั่งทำงานอยู่ในห้องแอร์เยอะๆ หน้าเราแห้งแล้วเราไม่รู้ตัว แต่เวลาแต่งหน้า ช่างแต่งหน้าจะคอยเตือนว่าเราหน้าแห้งแล้วนะ ซึ่งถ้าเราจับดูก็ไม่เห็นมันจะลอกตรงไหน เพราะหน้าแห้งของเรากับหน้าแห้งของเขาไม่เหมือนกัน คนที่เป็นช่างแต่งหน้าเขาจะรู้เลยว่าเราหน้าแห้ง เพราะเวลาลงเครื่องสำอางมันจะทำให้แต่งหน้าไม่ติด

 

ทิ้งท้ายเรื่องความสวยความงามในมุมธรรมะ

อ้อม: สมมติถ้าเราพูดถึงเรื่องโอวาทปาฏิโมกข์ ประเด็นคือเรื่องละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว ละชั่ว ถ้าเปรียบในมุมความสวยความงามก็คือ ถ้าเราจะดูแลตัวเองให้ดี เราต้องหยุดใส่สิ่งไม่ดีก่อน คือไม่ใช่ว่าเอะอะก็แต่งหน้ากลบ คำว่าเอะอะแต่งหน้ากลบมันก็ช่วยได้ไง มันก็เหมือนทำดีแหละ แต่การทำดีนั้นมันครบทั้งหมดไหม ถ้าไม่ หัดละบาป เพราะฉะนั้นการละบาปก็คือการหยุดกินของที่ไม่ดี แล้วหยุดทำร้ายใบหน้าและผิวพรรณของตัวเอง เราก็ไม่ต้องออกแดดเยอะ ล้างหน้าให้สะอาด ต้องหันมาดูแลตัวเองให้ถูกวิธี อาจมีการใช้สกินแคร์บางอย่างที่เติมสิ่งดีๆ ให้ผิว หรือถ้าพูดถึงอาหารการกิน ก็เลือกทานอาหารดีๆ เข้าสู่ร่างกาย ลดเค็ม ลดของมัน ของทอด เน้นทานผักผลไม้ให้มากขึ้น มันก็เปรียบเหมือนการละชั่ว การทำจิตใจให้ผ่องแผ้วในมุมธรรมะ เมื่อเปรียบกับการบำรุงผิวให้ผุดผ่อง ก็ต้องอาศัยการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ทำจนเราไม่รู้สึกว่าฝืนที่จะทำ พอเราไม่ฝืนที่จะทำมันก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายทันที

 

 

 

Editor’s Pick ต่อไปนี้คือตัวช่วยสำหรับคนที่อยากแต่งผิวหน้าให้สวยดูดีเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นไอเท็มที่ อ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์ ใช้แต่งหน้าในการถ่ายแบบ Face คนแรกของ THREE ประเทศไทย

 

1. แป้งผสมรองพื้นใหม่ THREE Pristine Complexion Powder Foundation แป้งผสมรองพื้นแบบใหม่ แต่งให้ผิวดูสดชื่น ช่วยเพิ่มมิติบนใบหน้าและสร้างงานผิวที่ดูสุขภาพดี (1,750 บาท)

2. THREE Pristine Complexion Veil ไพรเมอร์ที่ผสมจากธรรมชาติ 89% ปราศจากสารดูดซับรังสี UV ช่วยให้ผิวดูกลมกลืนสม่ำเสมอ ช่วยให้แป้งผสมรองพื้นยึดเกาะบนผิวได้ดีขึ้น (1,600 บาท)

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising