×

อนุทิน เผย WHO ยกไทยคุมโควิดดีเยี่ยม พร้อมวางแผนยกเลิก Thailand Pass จ่อนำร่องใช้กับคนไทยที่กลับประเทศ

โดย THE STANDARD TEAM
05.05.2022
  • LOADING...
Thailand Pass

วันนี้ (5 พฤษภาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับ นพ.จอส ฟอนเดลาร์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข โดยระบุว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เลือกประเทศไทยให้เป็นประเทศต้นแบบลำดับที่ 3 ในการนำร่องจัดกิจกรรมการทบทวนการเตรียมความพร้อมกรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า จากการรับมือการระบาดใหญ่ของโรคโควิด เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดี โดยสาเหตุที่เลือกประเทศไทยเพราะมีการบริหารจัดการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีโควิดเป็นอย่างดี มีความยืดหยุ่น ปรับตัวไปตามสถานการณ์ และเน้นการปฏิบัติได้จริง โดยพบปัจจัยสำคัญ ได้แก่

 

  1. มีการสนับสนุนโดยผู้บริหารระดับสูงที่กำหนดนโยบายประเทศ 
  2. ระบบสาธารณสุขไทยมีความเข้มแข็ง 
  3. ได้รับความร่วมมือเชื่อมต่อทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และภาคการศึกษา รวมถึง อสม. 
  4. มีกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนและชุมชน
  5. มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม และการวิจัยเพื่อการตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล 

 

โดยประสบการณ์เหล่านี้จะได้รับการถ่ายทอดในที่ประชุม World Health Assembly (WHA) ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ไปจนถึงแนวทางการผ่อนคลายมาตรการ อนุทินกล่าวว่า การติดเชื้อในประเทศไทยเริ่มมีแนวโน้มลดลง เกิดจากความร่วมมือของประชาชน เช่นเดียวกับยอดป่วยหนักและเสียชีวิตก็ลดลง อัตราการครองเตียงผู้ป่วยอาการหนักลดมาเหลือร้อยละ 20 และขณะนี้มีความพร้อม 3 พอ คือ ยาและเวชภัณฑ์พอ หมอและบุคลากรสาธารณสุขพอ และเตียงสถานพยาบาลพอ 

 

แม้กระทรวงสาธารณสุขยังไม่ประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น แต่ก็มีความพยายามเดินไปสู่การเป็นโรคประจำถิ่นอยู่ทุกวัน โดยภายหลังที่มีการผ่อนคลายเข้าประเทศมาร่วม 1 สัปดาห์ การพบเชื้อโควิดในกลุ่มผู้เดินทางเข้าประเทศเริ่มมีจำนวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการติดเชื้อในประเทศ ที่ผ่านมาเราได้ติดตามสถานการณ์มาตลอด เพื่อพิจารณาหาทางผ่อนคลายมาตรการ ตอนนี้เราต้องมาเน้นเรื่องเศรษฐกิจ ต้องพยายามให้โรงเรียนกลับมาเปิดแบบ On-site อย่างเต็มรูปแบบให้ได้ พร้อมการจัดการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงที่สุด

 

วันนี้การอนุญาตเข้าประเทศก็เหลือเพียงการตรวจ ATK เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ระยะต่อไปก็จะพิจารณาให้เริ่มมีการยกเลิกการลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass โดยจะเริ่มในกลุ่มคนไทยที่เดินทางเข้ามาในประเทศก่อน เพราะถือเป็นผู้ที่เราสามารถดูแลได้ตามสิทธิการรักษาพยาบาล ส่วนชาวต่างที่จะเข้ามาในประเทศไทยนั้น จะมีการพิจารณาในระยะต่อไป

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการต่ออายุ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะมีอีกหรือไม่นั้น อนุทินกล่าวว่า การต่ออายุขึ้นอยู่ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) การคงอยู่ของกฎหมายเป็นการเสริมสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน แต่เมื่อมีการประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นโดยสมบูรณ์ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็คงลดความสำคัญลง 

 

จากนั้น อนุทินได้กล่าวตอบคำถามถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อขยับขึ้น โดยกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งให้วัคซีนเข็มกระตุ้นแก่ประชาชน ให้ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีการคลายล็อก การติดเชื้อต้องมีการขยับขึ้น แต่ทั้งนี้ การจะทำให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นนั้น เราต้องมียา มีหมอรักษาให้เพียงพอ และขออย่าให้ยอดป่วยหนักหรือล้มตายเพิ่มขึ้น

 

อนุทินกล่าวย้ำว่า สิ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ คือ การฉีดวัคซีน ที่เป็นความรับผิดชอบของแต่ละคน ฉะนั้นคนที่รับเข็มที่ 2 ต้องไปรับเข็มที่ 3 และเข็มที่ 4 ตามลำดับ โดยข้อมูลที่มีก็ยืนยันได้ว่ามีความปลอดภัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้มีความเสี่ยง หากรับวัคซีนเข็มกระตุ้นก็จะลดการเสียชีวิตได้มากเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย ตามที่มีรายงานตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ผู้เสียชีวิตจากโควิดกว่าร้อยละ 90-95 ยังเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน สำหรับเรื่องการสวมหน้ากากที่เริ่มมีการพูดถึงการถอดหน้ากันแล้ว ขออธิบายว่า หากสวมแล้วไม่ได้เป็นความเดือดร้อน อีกทั้งยังสามารถป้องกันโรคได้ การสวมหน้ากากอนามัยก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดี

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising