วานนี้ (4 สิงหาคม) แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจีนจะไม่ก่อวิกฤตหรือพยายามเพิ่มปฏิบัติการทางทหาร หลังจากที่จีนเปิดฉากซ้อมรบโดยยิงขีปนาวุธใส่น่านน้ำใกล้ไต้หวัน เพื่อตอบโต้การมาเยือนของ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐฯ ซึ่งจัดขึ้นที่กัมพูชา บลิงเคนกล่าวว่า “หลายประเทศทั่วโลกเชื่อว่าการยกระดับความรุนแรงไม่ได้สร้างประโยชน์ต่อฝ่ายใด และอาจมีผลที่ตามมาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งนั่นไม่เป็นประโยชน์ต่อใครเลย รวมทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนและตัวจีนเองด้วย
“การรักษาเสถียรภาพข้ามช่องแคบเป็นประโยชน์ต่อทุกประเทศในภูมิภาค รวมถึงชาติทั้งหมดในอาเซียน” บลิงเคนกล่าวเสริม “สหรัฐฯ ยังคงยึดมั่นในสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน เราคัดค้านความพยายามเพียงฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการบังคับ
“และผมต้องการเน้นย้ำว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับจุดยืนของเรา และหวังอย่างยิ่งว่าปักกิ่งจะไม่ก่อวิกฤต หรือพยายามที่จะเพิ่มปฏิบัติการทางทหาร” บลิงเคนกล่าว โดยจุดยืนที่ว่านั้นคือ สหรัฐฯ ยังคงยึดมั่นต่อหลักการจีนเดียว กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน (Taiwan Relations Act) แถลงการณ์ร่วม 3 ฉบับ (Three Joint Communiques) และหลักประกัน 6 ประการ (Six Assurances)
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังวานนี้ จีนเปิดฉากการซ้อมรบใน 6 พื้นที่รอบเกาะไต้หวัน โดยมีการยิงขีปนาวุธหลายลูกด้วยกัน อีกทั้งยังส่งเครื่องบินขับไล่และเรือรบออกปฏิบัติการด้วย ขณะที่โฆษกกองบัญชาการตะวันออกของกองทัพจีนกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ขีปนาวุธทั้งหมดนั้นพุ่งตรงไปที่เป้าหมายด้วยความแม่นยำ
นอกจากนี้ จีนยังได้ตอบโต้ทริปการเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซีด้วยการประกาศระงับการนำเข้าสินค้าจากไต้หวันกว่า 2,000 รายการ อีกทั้งยังระงับการส่งออกทรายธรรมชาติไปยังไต้หวัน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์
ภาพ: Lev Radin / Pacific Press / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: