×

กรมอนามัยชี้ สำนักฤๅษีประหลาดรักษาโรคด้วยการให้ดื่ม-กินสิ่งปฏิกูล ขัดต่อกฎหมาย แนะลูกศิษย์เข้ารับการตรวจร่างกายด่วน

โดย THE STANDARD TEAM
11.05.2022
  • LOADING...
กรมอนามัยชี้ สำนักฤๅษีประหลาดรักษาโรคด้วยการให้ดื่ม-กินสิ่งปฏิกูล ขัดต่อกฎหมาย แนะลูกศิษย์เข้ารับการตรวจร่างกายด่วน

วันนี้ (11 พฤษภาคม) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีข่าวการบุกเข้าตรวจสอบสำนักฤๅษีประหลาดตั้งอยู่ในที่ดินสาธารณะของหมู่บ้านกุดแคน จังหวัดชัยภูมิ เปิดรับรักษาโรคทุกชนิด โดยการรักษาให้ผู้ป่วยกินปัสสาวะ กินอุจจาระ กินเสมหะ และขี้ไคล รวมถึงยาที่ดองไว้นับ 100 โอ่ง ให้กินเป็นยารักษาโรคต่างๆ นั้น 

 

เมื่อพิจารณาการจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมภายใต้กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีการปฏิบัติที่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขในหลายประเด็น ตั้งแต่การจัดการสิ่งปฏิกูล ซึ่งตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ปัสสาวะ อุจจาระ และเสมหะ เข้าข่ายเป็นสิ่งปฏิกูลตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ตามมาตรา 4 โดยกำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือสถานที่ใดๆ ปฏิบัติให้ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลตามข้อบัญญัติท้องถิ่น ที่กำหนดเกี่ยวกับสุขลักษณะของการจัดการสิ่งปฏิกูลตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการสิ่งปฏิกูล พ.ศ. 2561 กรณีฝ่าฝืนกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการสิ่งปฏิกูล พ.ศ. 2561 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ตามมาตรา 68

 

นพ.สุวรรณชัยกล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดการมูลฝอยหากพบว่ามีการรักษาคนป่วยในสำนักฤาษีดังกล่าว กรณีที่มีมูลฝอยที่เกิดขึ้นจากการรักษาผู้ป่วย เจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องตรวจสอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานที่ดังกล่าวปฏิบัติให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะ โดยต้องมีการคัดแยกมูลฝอยที่เกิดขึ้นจากผู้ป่วยออกจากมูลฝอยทั่วไป จัดหาภาชนะรองรับมูลฝอยที่เหมาะสม มีฝาปิดมิดชิด เป็นต้น หากพบว่ามีผู้ที่ป่วยเป็นโรคติดต่อหรือโรคติดเชื้อร้ายแรงต้องมีการจัดการมูลฝอยติดเชื้อให้เป็นไปตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. 2545 และข้อบัญญัติท้องถิ่นด้วย กรณีฝ่าฝืนกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการมูลฝอยทั่วไป พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ตามมาตรา 68 และกรณีฝ่าฝืนกฎกระทรวงว่าด้วยการกําจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 68/1 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกันนี้

 

​“ทั้งนี้ สิ่งที่น่าห่วงคือสุขอนามัยของผู้เข้ารับการรักษาตามความเชื่อศรัทธา เนื่องจากการกินของเสียอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคคลนั้นได้ เพราะปัสสาวะ เสมหะ อุจจาระ และขี้ไคล ตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น ในอุจจาระจะมีเชื้อโรค แบคทีเรีย พยาธิ เชื้อรา ส่วนปัสสาวะ แม้จะผ่านการกรองออกจากร่างกายแต่ก็ไม่สมควรนำไปดื่มอยู่ดี ซึ่งเป็นทำนองเดียวกับเสมหะที่ขับออกมา เป็นกลไกการดักจับเชื้อโรคของร่างกาย รวมถึงขี้ไคลก็เป็นชั้นของผิวหนังกำพร้าที่ลอกออกมาเมื่อหมดอายุ ซึ่งก็มีการหมักหมมของแบคทีเรียได้ด้วยเช่นกัน รวมทั้งบรรดาลูกศิษย์ที่ปฏิบัติงานในสำนักฤาษีแห่งนี้จำเป็นต้องได้รับการตรวจร่างกายโดยด่วน เพราะการปฏิบัติงานภายใต้สภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทั้งระบบระบายอากาศ กลิ่นเหม็นที่เกิดจากสิ่งปฏิกูลที่มีการหมักหมมเป็นระยะเวลาหลายปี ทำให้ต้องสูดดมหรือสัมผัสสิ่งสกปรกเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน ก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบหายใจได้ ซึ่งในแง่มุมของจริยธรรมทางการแพทย์ การตรวจร่างกายต้องได้รับการยินยอมจากบุคคลคนนั้นก่อน” นพ.สุวรรณชัยกล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising