วันนี้ (22 ตุลาคม) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า การสวมเสื้อผ้าซ้ำ การอยู่ในบ้านที่มีผู้ป่วยโรคโควิด หรือพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น แออัด หรือพื้นที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ทำให้มีโอกาสที่เชื้อโควิดจะเกาะติดอยู่ตามพื้นผิวเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับได้ โดยเชื้อโควิดสามารถอยู่บนผ้าได้นานถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ประเภทของพื้นผิว อุณหภูมิ และความชื้นสัมพัทธ์ เป็นต้น
“เมื่อกลับถึงบ้านจึงควรอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่โดยทันที ส่วนเสื้อผ้าที่ใช้แล้วให้ซักทำความสะอาด เนื่องจากเชื้อโควิดจะมีกระเปาะหุ้มตัวเอง การซักผ้าด้วยผงซักฟอกจะไปทำลายกระเปาะหุ้มตัวนี้ได้ เมื่อไม่มีกระเปาะหุ้มตัว เชื้อโควิดก็จะตาย ดังนั้น เชื้อโควิดที่เกาะตามเสื้อผ้าสามารถทำความสะอาดได้โดยใช้ผงซักฟอก เช่นเดียวกันกับการล้างมือที่ใช้เพียงสบู่ธรรมดาก็กำจัดเชื้อไวรัสบนมือได้” นพ.สุวรรณชัยกล่าว
นพ.สุวรรณชัยกล่าวต่อไปว่า สำหรับการทำความสะอาดเสื้อผ้าที่สวมใส่ เพื่อลดความเสี่ยงโรคโควิด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- เสื้อผ้าหรือหน้ากากผ้าที่ใช้แล้ว หากยังไม่ได้ซักทันทีควรนำไปแขวนผึ่งก่อนใส่ตะกร้าผ้าเพื่อรอการซัก
- หลีกเลี่ยงการสะบัดเสื้อผ้าในบ้าน เพื่อลดโอกาสฟุ้งกระจายของเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อน
- หยิบเสื้อผ้าออกจากตะกร้า โดยทำให้ตัวเราสัมผัสเสื้อผ้าในตะกร้าให้น้อยที่สุด
- ใส่น้ำยาซักผ้าและกดปุ่มเครื่องซักผ้าให้ทำงานตามปกติ
- ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังจากนำเสื้อผ้าเข้าเครื่องซักผ้า เพื่อป้องกันการนำมือสกปรกมาสัมผัสใบหน้าหรือไปสัมผัสสิ่งอื่น
- นำไปตากแดดจัดหรือตากในที่ที่มีอากาศถ่ายเทจนแห้ง แล้วนำมารีดทั้งข้างในและข้างนอกตัวเสื้อ
- เช็ดทำความสะอาดถังหรือตะกร้าใส่เสื้อผ้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หรือแอลกอฮอล์ 70% เป็นประจำ
“ทั้งนี้ หากไม่มีเครื่องซักผ้าส่วนตัวและจำเป็นต้องใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่ให้บริการตามหอพัก แหล่งชุมชนต่างๆ สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ บริเวณเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่เป็นจุดสัมผัสร่วมกัน เช่น ช่องใส่ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ปุ่มกดเลือกโปรแกรมซักผ้า ฝาปิดเครื่องซักผ้า เป็นต้น ผู้ดูแลจึงต้องทำความสะอาดให้บ่อยขึ้นกว่าเดิม หรือทุกๆ 1-2 ชั่วโมง สำหรับผู้ใช้ควรเลือกใช้บริการในช่วงที่คนใช้น้อย รักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร สวมหน้ากากตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการนำมือมาสัมผัสใบหน้า และเมื่อกลับถึงบ้านให้ล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์ทันที” นพ.สุวรรณชัยกล่าว