วันนี้ (10 มิถุนายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่เอกสารพร้อมลายเซ็นของ 21 สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอนายกรัฐมนตรีให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี ว่าตนเอง และ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รู้ดีว่าเมื่อเข้ามาทำงานในตรงนี้ต้องเจออะไรบ้าง แต่ก็ต้องมุ่งมั่นในภารกิจ
พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงเอกสารว่าเป็นของจริงหรือไม่ และไม่ทราบว่ามีการยื่นเอกสารถึงนายกรัฐมนตรีจริง เพราะหลังมีข่าวออกมา มี สส. หลายคนออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยเซ็นเอกสารในข้อความลักษณะนี้ รวมถึงมีความผิดปกติในลายเซ็น เนื่องจากไม่ตรงกับลายเซ็นในเอกสารราชการและเอกสารที่สมัครสมาชิก จึงไม่รู้ว่าลายเซ็นดังกล่าวเป็นการเอาจากเอกสารอื่นมาประกอบหรือไม่ ขณะเดียวกันในเอกสารก็ไม่มีความต่อเนื่อง เพราะมีการแยกลายเซ็นออกมาเป็นอีกหน้า
นอกจากนี้ ในหนังสือยังมีการระบุว่า รัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีความรู้ ความสามารถ ขาดจริยธรรม ลงชื่อโดย สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติเช่นกัน แต่ก็ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นอย่างไร ได้เห็นข้อความในเอกสารแล้วหรือไม่ หากเห็นแล้วและเซ็นรับรองก็แปลว่ากำลังด่าตัวเองอยู่ ฉะนั้นต้องไปถามสุชาติเองว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะตนเองโทรไปก็ไม่รับสาย
เอกนัฏยังกล่าวอีกว่า เรื่องในพรรคก็ต้องเป็นเรื่องภายใน พรรคต้องไปจัดการกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเสถียรภาพของความเป็นอยู่ของรัฐบาล ซึ่งหลังเกิดเรื่องได้พูดคุยกับพีระพันธุ์แล้ว จึงมองว่าหากใครที่มีรายชื่อปรากฏในเอกสารไม่มีเจตนากดดันนายกรัฐมนตรี หรือมีเจตนาด่ารัฐมนตรีในพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องออกมาพูด พร้อมยอมรับว่า ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับ สส. ที่ปรากฏข่าวทีละคน ตั้งแต่มีภาพปรากฏไปนั่งทานข้าวร่วมกัน เพื่อเตรียมย้ายพรรคแต่ก็มี สส. ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงกันอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้ จึงอยากให้สื่อมวลชนหาข้อเท็จจริงว่าใครที่อยู่เบื้องหลังเอกสารฉบับนี้ เพราะเข้าข่ายเป็นเอกสารปลอม ซึ่งเราไม่ทราบว่าใครเป็นคนรวบรวมเอกสาร แต่ตั้งข้อสังเกตว่า การทำงานในกระทรวงพลังงานรวมถึงกระทรวงอุตสาหกรรมอาจจะไปสร้างศัตรูไว้เยอะ ขณะเดียวกันยังไม่เคยมีใครมาขอให้ขับออกจากพรรคแต่ก็เป็นเอกสิทธิ์ของทุกคน หากเห็นว่าอุดมการณ์หรือจุดยืนของพรรคไม่เป็นไปตามอุดมการณ์ก็มีสิทธิ์ลาออก แต่ตราบใดที่ยังเป็นสมาชิกพรรคก็ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับและหากไปดูข้อบังคับ เช่น เรื่องการผิดจริยธรรมร้ายแรง การบิดเบือนเอกสาร ปลุกปั่นทำให้เกิดความแตกแยกในพรรคเพื่อหวังผลบางอย่าง สิ่งเหล่านี้อาจมีผลทำให้ขาดสมาชิกภาพ
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น เอกนัฏกล่าวว่า ต้องรอสัญญาณจากนายกรัฐมนตรีแต่ขณะนี้ยังอยู่ภายใต้พันธสัญญาที่มีต่อกัน ซึ่งแต่ละพรรคจะมีกลไกในการปรับเปลี่ยนบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรี และยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีถึงเรื่องนี้ แต่นายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจในทุกเรื่อง