กูรูการตลาดระดับโลก ฟิลิป คอตเลอร์ เคยกล่าวว่า “แต่ก่อนนี้การตลาดทำเรื่องสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้นเพื่อให้ดูดี ให้คนชื่นชม แต่วันนี้การทำความดี ความถูกต้องสำหรับธุรกิจเป็นเรื่องต้องทำ”
การทำธุรกิจเพื่อแสวงกำไรเพียงอย่างเดียวดูจะเป็นเรื่องล้าหลังไปแล้วในยุคปัจจุบัน ยิ่งในยุค Marketing 4.0 ที่แบรนด์ต้องมีความเป็น ‘มนุษย์’ มากขึ้น
ทุกองค์กร ทุกบริษัท จึงต้องมีกลยุทธ์ในการดำเนินโครงการเพื่อสังคมควบคู่ไปกับการทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไร ซึ่งแต่ละแห่งก็แตกต่างกันไปตามแนวทาง ความสนใจ และรสนิยม
คิง เพาเวอร์ เป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของคนไทยที่มุ่งมั่นดำเนินโครงการเพื่อสังคมได้อย่างโดดเด่นในรอบปีที่ผ่านมาภายใต้ ‘คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย’ โดย ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้เปิดใจกับ THE STANDARD ถึงหลักคิดอย่างเรียบง่ายว่า “เชื่อว่าคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก และต้องทำในสิ่งที่คนเดือดร้อนยังไม่ได้รับการแก้ไข รวมทั้งเป็นเรื่องที่สำคัญกับประเทศ”
ในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทจึงได้เดินหน้าโครงการต่างๆ เพื่อให้ชื่อเสียงของคนไทยไปสู่ภายนอกประเทศกว่า 17 โครงการ ผ่าน 4 ด้านหลักของโครงการ ได้แก่ กีฬา, ดนตรี, ชุมชน, การศึกษาและสุขภาพ กระจายไปสู่ชุมชนทั่วทุกภูมิภาคกว่า 500 ชุมชน และพร้อมเดินหน้าสนับสนุนศักยภาพคนไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืน
“ผมอยากทำโครงการนี้ให้เป็นแบบอย่างของบริษัทที่ทำความดีให้กับสังคมโดยไม่ต้องเหมือนกับที่เราทำก็ได้ เพราะเราทำตั้งแต่วันแรกๆ โดยไม่ได้บอกใคร”
เมื่อถามถึงจำนวนเม็ดเงินที่ลงไป อัยยวัฒน์ตอบว่า “ประมาณ 400 ล้านบาท” ก่อนจะนิ่งคิดแล้วพูดต่อ “ถามว่าคุ้มค่าไหม ก็แล้วแต่คนมอง บางคนอาจจะถามว่าทำไปทำไม แต่ผมชอบทำฝันเล็กๆ ที่จับต้องได้ มีทั้ง long-term และ short-term เห็นผลชัดใน 3-5 ปีมากกว่า เราอยากรู้ว่าสิ่งที่เราทำไปจะเป็นอย่างไร มันเป็นไปได้แค่ไหน สร้างอิมแพ็กให้กับสังคมอย่างไร ผมสนุกกับการทำโครงการเหล่านี้มากครับ”
โครงการคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ เกิดขึ้นหลังจากผลงานของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ขยับจากแชมเปียนชิปขึ้นสู่ชั้นพรีเมียร์ลีก และก้าวสู่แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งได้สร้างปรากฏการณ์ในวงการกีฬาระดับโลก ทำให้คนทั้งโลกหันมาจับตามองประเทศไทยในมุมใหม่ โดยอัยยวัฒน์เชื่อว่าหากตั้งใจทำอะไรอย่างจริงจังก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ “ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเห็นว่าคนไทยก็ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้คนทั้งโลกเห็นได้เหมือนกัน และจากความมุ่งมั่นในครั้งนั้น จึงส่งต่อมาเป็นนโยบายที่นำมาบริหารโครงการคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชุมชนต่างๆ ที่เราได้นำโครงการเข้าไปจัดกิจกรรมให้ ทั้งนี้เราได้ตั้งเป้าหมายที่จะนำกิจกรรมต่างๆ เข้าไปยังชุมชนที่เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีผ่านมา 3 เท่า โดยยังคงเน้นกิจกรรมผ่าน 4 ด้านหลักของโครงการ ได้แก่ กีฬา, ดนตรี, ชุมชน, การศึกษาและสุขภาพ”
ด้านกีฬา Sport Power เน้นคอนเซปต์ปั้นนักกีฬาไทยสู้ลีกยุโรป
“ฟุตบอลอยู่ในเลือดของคนไทย เรามีความฝันร่วมกันว่าอยากไปบอลโลก ไอซ์แลนด์มีประชากรแค่ 400,000 คนยังทำได้ ผมเชื่อว่าเราก็ต้องทำได้” อัยยวัฒน์กล่าว
Sport Power มุ่งพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพเยาวชนไทยซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศให้มีความสามารถด้านกีฬาฟุตบอลในทุกมิติตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ บริษัทจึงได้จัดโครงการล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย มอบลูกฟุตบอลจำนวน 1 ล้านลูกให้กับเยาวชนไทยและชุมชนเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านกีฬา โดยเมื่อปีที่ผ่านมา (กรกฎาคม 2560 ถึงกรกฎาคม 2561) ได้มอบลูกฟุตบอลให้กับเด็กไทยทั่วประเทศแล้วเป็นจำนวนกว่า 200,000 ลูก ตั้งเป้าแจกให้ครบ 1 ล้านลูกภายในปี 2565
นอกจากนี้ยังมีโครงการ 100 สนามฟุตบอลสร้างพลังเยาวชนไทย ที่สร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมจำนวน 100 สนามทั่วประเทศภายใน 5 ปี หวังให้เยาวชนมีพื้นที่ออกกำลังกาย ห่างไกลจากยาเสพติด แต่สิ่งที่คิง เพาเวอร์ มองไปไกลกว่านั้นคือการมอบโอกาสให้กับเด็กๆ ที่รักกีฬาได้สานฝันของตัวเองให้เป็นจริงต่อไป โดยคิง เพาเวอร์ ได้ขยายผลโครงการไปสู่กิจกรรมที่เสริมสร้างพัฒนาการด้านกีฬาฟุตบอลให้กับเยาวชนไทยอย่างครบวงจร เช่น โครงการ Fox Hunt ตามล่าจิ้งจอกสายพันธุ์สยาม โดยมอบทุนการศึกษาและโอกาสสำคัญในชีวิตที่เงินไม่สามารถซื้อได้ด้วยการไปฝึกทักษะกีฬาฟุตบอลที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ และสโมสรโอเอช ลูเวิน ของประเทศเบลเยียม เพื่อต่อยอดอนาคตนักเตะเยาวชนไทยให้ได้มีช่องทางเข้าไปเล่นในลีกฟุตบอลระดับยุโรป
“สำหรับ Fox Hunt ปีนี้เป็นรุ่นที่ 3 แล้ว มีนักเรียนรุ่นแรกประสบความสำเร็จกลับมา 12 คน ได้ไปเล่นในไทยลีก อีก 4 คนไปเล่นที่โอเอช ลูเวิน ผมหวังว่าวันหนึ่งเราจะได้เห็นคนไทยเตะฟุตบอลในลีกยุโรปเลย”
ด้าน Music Power หนุนดนตรีไทยสู่โชว์ระดับนานาชาติ
คนไทยเราคุ้นเคยกับโรงละครอักษราในฐานะโรงละครไทยร่วมสมัยที่มีเทคนิคการแสดงแสงสีเสียงได้มาตรฐานเทียบเคียงกับโรงละครชั้นนำระดับโลกเป็นอย่างดี แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าโรงละครแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อสนับสนุนศิลปะไทยและดนตรีไทยอันทรงคุณค่าให้เคียงคู่สังคมไทยไปตราบนานเท่านาน และเพื่อไม่ให้ศิลปะไทยอย่างหุ่นละครเล็กและดนตรีไทยกลายเป็นเพียงความงดงามทางวัฒนธรรมที่ถูกมองข้ามไป และเพื่อให้ศักยภาพด้านดนตรีของคนไทยที่ถูกซ่อนไว้ได้เป็นที่ประจักษ์
โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา คิง เพาเวอร์ ได้จัดโครงการแข่งขันดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทยขึ้น เพื่อให้เวทีแห่งนี้จุดประกายเสียงดนตรีให้ดังก้องกังวานอีกครั้ง ให้โลกได้รู้ว่าพลังด้านดนตรีของคนไทยก็พร้อมอวดโฉมในระดับสากล
ด้านชุมชน Community Power บอกให้โลกรู้ว่าของไทยนี้ดี
เพราะการสนับสนุนสินค้าไทยเป็นหัวใจสำคัญของคิง เพาเวอร์ เสมอมา จึงได้ริเริ่มกิจกรรมนี้ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้สินค้าไทย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหัตถกรรม อาหาร ขนม และของที่ระลึกได้เฉิดฉายในสายตาคนต่างชาติ ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้หลายชุมชนทั่วประเทศ ตลอดจนคนพิการ เพราะคิง เพาเวอร์ เข้าใจดีว่าสิ่งที่ชาวบ้านตลอดจนผู้พิการต้องการไม่ใช่ความสงสาร แต่ต้องการใช้ความสามารถและศักยภาพที่ตัวเองมีให้เติบโตไปพร้อมกับสังคม
ยกตัวอย่าง ผลงานแก้วเป่า สินค้า OTOP ที่ขายดีที่สุดในหมวดสินค้าของที่ระลึกจากคิง เพาเวอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานชิ้นเอกนี้คือ ภพต์ เทภาสิต ประธานสหกรณ์บริการผลิตภัณฑ์คนพิการไทย ชายหนุ่มผู้ไม่ยอมแพ้ให้โชคชะตา หลังจากคิง เพาเวอร์ เข้าไปช่วยเพิ่มความรู้และให้คำแนะนำในเชิงธุรกิจ ทำให้อาชีพเป่าแก้วที่เคยทำรายได้น้อยนิดกลายเป็นอาชีพเงินล้าน
อีกหนึ่งความสำเร็จของการพาสินค้าชุมชนไปอวดสายตาชาวโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิคือคอลเล็กชัน Indigo สำหรับเป็นของที่ระลึกจากสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งจะนำไปวางจำหน่าย ณ เดอะ ซิตี้ แฟนสโตร์ แอท คิง เพาเวอร์ สเตเดียม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ผลงานแห่งความภาคภูมิใจนี้ คิง เพาเวอร์ ทำหน้าที่เป็นคู่คิดและคู่ค้าร่วมกับชุมชนบ้านนาขาม จังหวัดสกลนคร โดยยังคงชูจุดแข็งและภูมิปัญญาของชาวบ้านไว้ ต่อยอดสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศ และเป็นช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้า
ด้านการศึกษาและสุขภาพ Education & Health Power คุณภาพชีวิตที่ดีต้องมาก่อน
อัยยวัฒน์พูดถึงปัญหาที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึง นั่นคือเรื่องห้องน้ำ “ส้วมเป็นสิ่งเล็กๆ แต่สำคัญมาก เวลาไปสถานที่ท่องเที่ยวคนจะไม่วิ่งหาจุดถ่ายรูป แต่จะวิ่งหาห้องน้ำก่อน ถ้ามีที่ที่เป็นภาพจำ เขามาแล้วเขาสบาย สถานที่ท่องเที่ยวประทับใจ คนใช้ก็จะรู้สึกดีและพูดได้เต็มปากว่าอยากกลับมา ที่ท่องเที่ยวใดจะเติบโตได้ ผมเชื่อในเรื่องภาพจำตอนต้นกับตอนจบ ซึ่งคือห้องน้ำ”
คิง เพาเวอร์ ฉีกกรอบการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขแบบเดิมๆ ด้วยการสร้างคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนผ่านโครงการพลังคนไทย สุขาสุขใจ ที่ออกแบบและมอบสุขาในรูปแบบสากลสำหรับชาย หญิง และผู้พิการ เพื่อให้เป็นห้องน้ำของทุกคนอย่างแท้จริง สะดวก สบาย ปลอดภัย พร้อมดำเนินการจัดสร้างให้แล้วเสร็จเพื่อไปติดตั้งยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวไทยให้กับชาวไทยและต่างชาติครบทุกมิติ
นอกจากนี้ในส่วนของการศึกษา คิง เพาเวอร์ ได้ร่วมสร้างอนาคตเด็กไทยผ่านมูลนิธิคิง เพาเวอร์ มายาวนานถึง 13 ปี เพื่อให้เด็กๆ ได้ทุ่มเทกับการเรียนอย่างเต็มที่ คิง เพาเวอร์ ไม่เพียงสนับสนุนอุปกรณ์การเรียน สื่อการเรียน การสอน ช่วยซ่อมแซมอาคารเรียน และสร้างห้องสมุด สร้างรากฐานอนาคตที่ดีให้คนไทยมีโอกาสไปหาความรู้ในต่างประเทศเพื่อกลับมาช่วยพัฒนาประเทศด้วยการร่วมกับมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ มอบทุนการศึกษาระดับปริญญาโทให้กับคนไทย
อัยยวัฒน์เผยว่า “ผมว่าคำว่า Thai Power หรือพลังคนไทยมันชัดเจนมาก เพราะถ้าเอาพลังคนไทยมารวมกันแล้วทำในสิ่งที่ดีต่อสังคม ช่วยกันพัฒนาประเทศ ผมว่าสิ่งที่ดีและยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างแน่นอน”
ก่อนจะทิ้งท้ายอย่างเป็นกันเองถึงความตั้งใจส่วนตัวว่า “ผมอยากเห็น Fox Hunt ติดทีมชาติไทยไปเล่นบอลโลก และมีผลิตภัณฑ์ของคนไทยสัก 1 ตัวก็พอที่ฮิตถล่มทลายทั่วโลก”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์