เพื่อต่อยอดสู่ความเป็นไปได้ทางธุรกิจใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับยุคสมัย ‘AIS The StartUp’ โครงการส่งเสริมพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจระหว่างบริษัท AIS และธุรกิจสตาร์ทอัพที่สามารถขยายการเติบโตทางธุรกิจ ที่ผ่านมา AIS The StartUp ได้มอบโอกาสและช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจสตาร์ทอัพของไทยได้เติบโตจนประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย เช่น Golfdigg, Local Alike, FlowAccount, Fixzy, OneChat, ShopSpot, StockRadars, SkillLane ฯลฯ โดยในปีนี้เพื่อมอบโอกาสให้กับธุรกิจที่มีศักยภาพได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว AIS The StartUp จึงพุ่งเป้าไปที่  ‘6 ธุรกิจใหม่’ ที่ AIS ให้ความสำคัญ โดยในปีนี้มีการเปิด Monthly Pitching เป็นประจำทุกเดือน ผู้ที่สนใจยังสามารถส่งผลงานเข้ามาร่วมนำเสนอเพื่อรับการคัดเลือกได้ไปจนถึงเดือนตุลาคม 2563 นี้ แต่หากพลาดโอกาสในปีนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะ AIS The StartUp เป็นโครงการที่จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี 

 

ย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นโอกาสทองที่ผู้สนใจสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจ ซึ่งไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้รับเลือกมาเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ของ AIS The StartUp พร้อมได้รับโอกาสสนับสนุน ได้รับทั้งคอนเน็กชันและองค์ความรู้ทางธุรกิจมากมาย เพราะ AIS มี ‘Business Ecosystem’ อันแสนจะแข็งแกร่งที่พร้อมจะติดปีกให้ธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จ 

 

Business Focus: 6 New Business ที่ AIS The StartUp ให้ความสนใจ 

ในโลกธุรกิจทุกวันนี้มีเทรนด์ธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมอย่างน่าจับตามอง ด้วยมีแนวโน้มเติบโตที่รวดเร็ว ทั้งยังคาดการณ์ว่าจะสามารถเติบโตต่อไปได้อีกมากจนเรียกได้ว่าเป็น ‘ธุรกิจแห่งอนาคต’ เราลองมาดูกันดีกว่าว่า 6 ธุรกิจซึ่งเป็นเทรนด์ธุรกิจดาวรุ่งมาแรงที่ AIS The StartUp กำลังให้ความสนใจอยู่นั้นได้แก่กลุ่มธุรกิจไหน รวมถึงผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในแต่ละธุรกิจได้ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ของ AIS The StartUp จะได้รับผลประโยชน์อะไรกันบ้าง 

 

ธุรกิจเกมและอีสปอร์ตเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก AIS มีศักยภาพพร้อมสำหรับการพัฒนาธุรกิจนี้ 

 

1. Gaming ธุรกิจเกมนับเป็นธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่ขยายตลาดและมีความเติบโตอย่างร้อนแรงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ธุรกิจเกมก็ยังเติบโตอย่างหยุดไม่อยู่ โดยเฉพาะเกมบนมือถือซึ่งเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ตลาดเกมในไทยเติบโตต่อเนื่องถึง 11.4% ตัวเลขการเติบโตนี้สอดคล้องกับข้อมูลของสมาคมกีฬาอีสปอร์ตในประเทศไทย ซึ่งระบุว่าปีที่ผ่านมามีจำนวนผู้เล่นเกมในประเทศไทยอยู่ถึง 27.8 ล้านคน คิดเป็น 41% ของประชากรทั้งประเทศ และคาดว่าตลาดเกมมิ่งในปีนี้จะมีมูลค่าพุ่งถึงกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท นั่นหมายความว่าจะเติบโตถึง 15.8% จากปีที่ผ่านมา ข้อมูลดังกล่าวล้วนมีน้ำหนักมากพอที่จะบอกได้ว่าธุรกิจเกมและอีสปอร์ตกำลังเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก และเต็มไปด้วยโอกาส AIS The StartUp ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี จึงพร้อมสนับสนุนและสร้างโอกาสการเติบโตของกลุ่มธุรกิจนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาเกม ผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับเกมหรืออีสปอร์ตที่ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ของ AIS The StartUp ย่อมจะได้รับโอกาสในการสนับสนุน ทั้งในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อธุรกิจ รวมถึงช่องทางการตลาด โอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและขยายฐานเกมเมอร์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่ง AIS มีศักยภาพพร้อมสำหรับการซัพพอร์ตพัฒนาธุรกิจนี้ 

 

AIS PLAY และ AIS PLAYBOX

เป็นช่องทางที่จะสามารถทำให้คอนเทนต์ VDO and Streaming เข้าถึงผู้ชมได้ในวงกว้าง  

 

2. VDO and Streaming ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำขึ้นทำให้ไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของผู้ชมปรับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากแต่ก่อนที่เคยรับชมผ่านโทรทัศน์ก็เปลี่ยนไปรับชมรายการสาระบันเทิงต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือกันได้ทุกที่ทุกเวลา ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำก็อำนวยความสะดวกให้กับผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ได้เช่นกัน ธุรกิจวิดีโอและสตรีมมิงจึงเป็นอีกเทรนด์ธุรกิจที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน และมีแนวโน้มมาแรงเติบโตขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่ อ้างอิงจากผลสำรวจของ Global Digital ซึ่งเผยว่า 92% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ และหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมคือการใช้งานคอนเทนต์สตรีมมิง ประกอบผลการวิจัยจาก Grand View Research ระบุว่าขนาดของธุรกิจวิดีโอสตรีมมิงในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าพุ่งขึ้นสูงถึง 1.84 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2027 ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่นอกจากทำให้ AIS เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายแล้ว ยังหันมาบุกตลาดวิดีโอและสตรีมมิงผ่านการมี AIS PLAY หรือ AIS PLAYBOX สำหรับผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ในทุกรูปแบบที่น่าสนใจ และผ่าน Monthly Pitching ให้ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับ AIS The StartUp ย่อมจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการที่ AIS มีแอปพลิเคชัน AIS PLAY และ AIS PLAYBOX ซึ่งเป็นช่องทางที่จะสามารถทำให้คอนเทนต์ของคุณเข้าถึงผู้ชมได้ในวงกว้าง นอกจากนี้ถ้าหากโปรเจกต์ของคุณมีศักยภาพเพียงพอก็อาจมีการสนับสนุนเพื่อสร้างเป็น ‘AIS PLAY Original Content’ อีกด้วย

 

การที่ AIS The StartUp เข้ามาสนับสนุนระบบ Digital Payment จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจ

 

3. Digital Payment จากการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทยถึงพฤติกรรมการชำระเงินของคนไทย พบว่าแม้คนไทยยังนิยมใช้เงินสดกันอยู่มาก แต่การใช้ Digital Payment ก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น แถมยังเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2563 ยังพบว่ามีปริมาณการใช้ Digital Payment เพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า จาก 49 ครั้งต่อคนต่อปีในปี 2559 ก็เพิ่มขึ้นเป็น 151 ครั้งต่อคนต่อปีในปี 2563 นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าธุรกิจการเงินและบริการเงินดิจิทัลจะไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์อีกต่อไป แต่จะกลายเป็นไลฟ์สไตล์กระแสหลักและความจำเป็นในชีวิตของคนรุ่นใหม่ในอนาคตอันใกล้ ที่สำคัญ Digital Payment ยังเป็นแรงผลักที่ทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลก้าวต่อไปข้างหน้า มีข้อมูลยืนยันว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซนั้นกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราเร่ง โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าจะเติบโตถึง 30% เลยทีเดียว ซึ่งในขณะที่ประเทศจีนมีมูลค่าการค้าปลีกออนไลน์อยู่ที่ 25% ส่วนประเทศไทยของเรานั้นยังอยู่แค่เพียง 3% เท่านั้นเอง จึงมั่นใจได้เลยว่าอีคอมเมิร์ซของไทยจะยังคงสามารถเติบโตต่อไปได้อีกมาก ซึ่งจะทำให้ Digital Payment มีโอกาสที่จะเติบโตอย่างมากด้วยเช่นกัน สำหรับเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพที่ต้องการนำเสนอสินค้าหรือบริการ AIS จะเป็นเสมือนประตูบานสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บริการของคุณเข้าถึงลูกค้าได้ในวงกว้าง นอกจากนี้การที่ AIS The StartUp เข้ามาซัพพอร์ตระบบ Digital Payment ยังจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจของคุณ เพื่อให้มีช่องทางการชำระเงินที่สะดวกสบายผ่านโลกดิจิทัล ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับสินค้าและบริการของคุณอันจะนำมาซึ่งลูกค้าและเม็ดเงินที่มากขึ้น ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและมั่นคงได้อย่างแน่นอน

 

InsurTech ในประเทศไทยยังถือว่าอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น จึงมีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปได้อีกมาก

 

4. InsurTech เทรนด์ธุรกิจประกันในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตอบโจทย์ให้มีความทันสมัย ภายใต้การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ทั้งนี้ในงาน InsurTech Panorama 2019 ซึ่งจัดโดย คปภ. (คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) ได้มีการกล่าวถึงแนวโน้มของธุรกิจนี้เอาไว้ว่ากลุ่มลูกค้าสมัยใหม่นั้นไม่เคยห่างจากโทรศัพท์มือถือของตนเอง โดยเฉพาะคนถัดจาก Gen Z เป็นต้นไปจนไปถึง Millennials และ Alpha ล้วนมีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี ต้องการบริการคุณภาพและการตอบสนองที่รวดเร็ว จึงทำให้บริษัทประกันภัยเริ่มเจาะไปยังกลุ่มลูกค้าเหล่านี้มากขึ้น โดยมีการใช้ Big Data และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น InsurTech จะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการของบริษัทประกันได้ง่ายขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีอยู่ในมือ อันจะเป็นประโยชน์กับธุรกิจในระยะยาว อนึ่ง ธุรกิจประกันเป็นอีโคซิสเต็มที่ใหญ่มากและมีช่องว่างอยู่มาก เพียงแค่ธุรกิจประกันรถเพียงอย่างเดียวก็มีมูลค่าการขายกรมธรรม์ถึง 1.4 แสนล้านบาทในแต่ละปี และหากมีการเคลมกันเกิดขึ้นก็จะมีหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ซ่อมบริการ โรงพยาบาล ฯลฯ แต่ในส่วนของสตาร์ทอัพ InsurTech ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการดำเนินการเป็น Dispatcher คอยแมตช์ระหว่างผู้ให้กรมธรรม์ โบรกเกอร์ และผู้ให้บริการนั้นยังมีอยู่น้อยมาก ทั้งนี้ InsurTech ในประเทศไทยยังถือว่าอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น จึงมีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปได้อีกไกลมาก สำหรับสตาร์ทอัพ InsurTech ที่เข้ามาร่วมงานกับ AIS The StartUp นอกจากจะได้รับโอกาสในการใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มช่องทางการขายและเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้นแล้ว ยังสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อสรรหาบริการ Insurance ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าตามแต่พฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคนได้

 

HealthTech กำลังเข้ามาตอบโจทย์และมอบความเปลี่ยนแปลงให้กับโลก เป็นเทรนด์ธุรกิจที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจเข้ามาลงทุน

 

5. HealthTech แม้เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่ในขณะเดียวกันบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่กลับมีการเติบโตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่น่าสนใจก็คือบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ต่างหันเหไปหา HealthTech ด้วยเหตุผลสำคัญที่ว่าคนในยุคปัจจุบันมี ‘Life Expectancy’ หรืออายุขัยที่ยืนยาวมากขึ้น ผนวกกับการที่ทั่วโลกและประเทศไทยของเรากำลังก้าวเข้าสู่ Aging Society ทำให้นับวันยิ่งมีความต้องการดูแลสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยีดิจิทัลยังช่วยให้เกิดการพัฒนาโซลูชัน วิธีการดูแลรักษาสุขภาพอันชาญฉลาดและสะดวกสบายมากขึ้นด้วย HealthTech จึงเข้ามาตอบโจทย์และมอบความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกตรงจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้วย Telemedicine, Virtual Doctor, AI Health Planner ฯลฯ ทำให้เป็นเทรนด์ธุรกิจที่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้ความสนใจเข้ามาลงทุน จนมีการคาดการณ์กันว่าเม็ดเงินที่อยู่ในตลาด HealthTech นั้นจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในอนาคต จึงเชื่อและมั่นใจได้เลยว่ายังมีโอกาสอีกมากที่ธุรกิจนี้จะเติบโต สำหรับธุรกิจเทคโนโลยีดูแลสุขภาพที่มีผลงานดีๆ และได้เข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ AIS The StartUp จะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายได้มากขึ้น ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจมืออาชีพคอยเป็นเพื่อนคู่คิด อีกทั้ง AIS ยังมีเครือข่ายในระดับนานาชาติที่จะช่วยต่อยอดให้ธุรกิจ HealthTech ที่คุณทำอยู่เติบโตมากกว่าที่คาดคิดจนไปไกลถึงระดับโลกก็เป็นได้ 

 

เมื่อความต้องการที่มีมากขึ้น ทำให้มีการลงทุนมากขึ้นในธุรกิจนี้ AIS The StartUp เล็งเห็นถึงโอกาสอย่างมากมายที่มีอยู่ในธุรกิจนี้

 

6. EdTech ในแวดวงการศึกษา สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันนี้คือเทรนด์การเรียนรู้อย่างไม่หยุดยั้ง เพราะรูปแบบของการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียนหรือสถาบันการศึกษาเท่านั้น ในตอนนี้มี 3 คำที่เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ได้แก่ ‘On Demand Learning’ เราสามารถเรียนรู้ที่ไหนเมื่อไรก็ได้ตามที่ต้องการ ‘Life Long Learning’ หรือการเรียนรู้ตลอดชีวิต และ ‘Personalize Learning’ ที่ออกแบบความรู้ให้เหมาะสมสำหรับแต่ละคนได้ เมื่อความต้องการเรียนรู้พัฒนาตัวเองมีความต้องการมากขึ้น จึงมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการด้านการศึกษา ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เราจึงได้เห็นแพลตฟอร์มมากมายที่เข้ามาเป็นโซลูชันเพื่อการเรียนรู้ มีทั้งการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาครู พัฒนาคอนเทนต์ เพิ่มการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา ทั้งนี้ในแง่ของการเติบโตของธุรกิจนี้ ข้อมูลจาก ‘Principle GEdTech’ (กองทุนเปิด Principle Global Education) ระบุว่าธุรกิจ EdTech นั้นเติบโตถึงปีละ 20% เช่นเดียวกับอุตสาหกรรม Edutainment ที่เติบโตถึงปีละ 30% ทั้งนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังเป็นตัวเร่งสำคัญให้คนทั่วโลกต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต รวมถึงการศึกษาในรูปแบบ EdTech ทั้งการศึกษาภาคบังคับในหลักสูตร และการเรียนเพื่อ Re-Skill และ Up-Skill เมื่อความต้องการที่มีมากขึ้นทำให้มีการลงทุนมากขึ้นในธุรกิจนี้ AIS The StartUp เล็งเห็นถึงโอกาสอย่างมากมายที่มีอยู่ในธุรกิจ EdTech และต้องการร่วมเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันและต่อยอดโอกาสในการเรียนรู้ให้กับสังคม โดยสนับสนุนให้ธุรกิจด้าน EdTech ขยายเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการสนับสนุนทั้งเทคโนโลยี องค์ความรู้ และคอนเน็กชันให้กับพาร์ตเนอร์สตาร์ทอัพ EdTech ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่ AIS มีนั้นล้วนเป็น ‘Partner Ecosystem’ ที่จะสามารถผลักดันให้ธุรกิจในแวดวงเทคโนโลยีการศึกษาก้าวหน้าไปได้อีกไกล นอกจากจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตแล้วยังเป็นการจับมือช่วยกันยกระดับพัฒนาการศึกษาของสังคมไทยให้เติบโตไปพร้อมๆ กัน 

 

นอกจากนี้พาร์ตเนอร์ที่เข้าร่วมยังจะได้รับสิทธิประโยชน์อีกมากมายจาก AIS และ AIS The StartUp เช่น โอกาสในการต่อยอดธุรกิจร่วมกับเครือ Singtel Group ผู้ให้บริการเทเลคอมมูนิเคชันยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์และใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีบริษัทในเครือที่ดำเนินงานอยู่ใน 25 ประเทศ ช่วยให้สามารถเข้าถึงตลาดระดับโลก ทั้งนี้พาร์ตเนอร์ที่ได้รับเลือกยังจะได้รับสิทธิอื่นๆ อีกมากมายอย่าง บริการของ AIS ในราคาพิเศษ​ ฟรีพิเศษสำหรับค่าโทร/บริการอินเทอร์เน็ตบนมือถือ สิทธิ์การเข้าใช้ AIS D.C. (AIS Design Center) พร้อมสิทธิ์สมาชิกรายปี สิทธิ์ในการเชื่อมต่อผ่าน AIS Simulation APIs สิทธิ์การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ AIS The StartUp จัดขึ้น ฯลฯ 

 

 

จากที่กล่าวมาทั้งหมด เห็นไหมว่า AIS The StartUp สามารถเปิดโอกาสให้หลากหลายธุรกิจได้ต่อยอดอย่างมากมายจริงๆ ซึ่งหากคุณเป็นผู้ประกอบการที่มีผลงานตอบโจทย์ ปรารถนาที่จะเติบโต ก็อย่าพลาดส่งผลงานเพื่อเข้าร่วมคัดเลือกใน Monthly Pitching กันได้ทุกเดือน แต่ขอบอกอีกครั้งว่าคงต้องรีบสักหน่อย เพราะการนำเสนอผลงานในปีนี้ยังเหลือเวลาอีกเพียงแค่ไม่กี่เดือน ถ้าคุณพร้อมก็สามารถนำเสนอผลงานได้ถึงตุลาคม 2563 นี้ ส่งผลงานได้ที่ 

https://www.ais.co.th/thestartup/pitching.html

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์