วันนี้ (5 เมษายน) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แถลงข้อเสนอปรับมาตรการช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ขณะนี้สถานการณ์ติดโควิด-19 ในไทยดูเหมือนแนวโน้มสูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ล่าสุดที่ผ่านมา การประชุมคณะกรรมการด้านวิชาการตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ซึ่งมีมติมอบกรมควบคุมโรคปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่ ทั้งพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน หรือพูดง่ายๆ เป็นการปรับสี เพื่อใช้ประกอบการดำเนินงานตามคำสั่ง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือ ศบค. ให้ตรงกับสถานการณ์จริงในปัจจุบัน
รวมทั้งมอบกรมควบคุมโรคดำเนินการวางแผนเฝ้าระวังในกลุ่มเสี่ยง Sentinel Surveillance โดยเน้นพื้นที่ผับ บาร์ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล จากการประสานเบื้องต้น ใน กทม. มีสถานบันเทิง 1 พันกว่าแห่งก็จะมีการเฝ้าระวังสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม หลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ที่ประชุมมีมติปรับสีพื้นที่ต่างๆ โดยจังหวัดที่มีโรคเพิ่มขึ้นให้ปรับเป็นพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด มี 5 จังหวัด ได้แก่ กทม. ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และนครปฐม
พื้นที่ควบคุม หรือสีส้ม 9 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ชุมพร ตาก ราชบุรี ชลบุรี สุพรรณบุรี นราธิวาส และกาญจนบุรี
พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด หรือสีเหลือง มี 10 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ระนอง ระยอง สงขลา ยะลา และขอนแก่น
ส่วนจังหวัดเฝ้าระวังประกอบด้วยจังหวัดที่เหลืออีก 53 จังหวัด
ทั้งนี้ เมื่อมีการปรับสีแล้วก็จะมีมาตรการขึ้นกับพื้นที่สี แบ่งเป็นดังนี้
- พื้นที่ควบคุมสูงสุดสีแดง 5 จังหวัด ในเรื่องร้านอาหาร เปิดบริการไม่เกิน 21.00 น. ทานอาหารในร้านได้ แต่งดดื่มสุรา ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์เปิดไม่เกิน 21.00 น. ทานอาหารได้ แต่งดดื่มสุรา เพราะตอนนี้ความเสี่ยงอยู่ที่สถานบันเทิง การดื่มสุรา ส่วนศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้าเปิดได้ตามปกติ แต่ต้องดำเนินการแบบ New Normal มีการสแกนแอปพลิเคชัน ‘ไทยชนะ’ หรือ ‘หมอชนะ’ ส่วนสถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชาเปิดได้ตามปกติ รวมทั้งสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ยิม ฟิตเนส เปิดได้ตามปกติ
- พื้นที่ควบคุม 9 จังหวัดสีส้ม ร้านอาหารเปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. ทานอาหารได้ ดื่มสุราในร้านได้ แต่ต้องไม่เกิน 23.00 น. ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ ก็เช่นเดียวกัน เปิดไม่เกิน 23.00 น. ดื่มสุรา แสดงดนตรีสดในร้านได้ แต่งดเต้นรำ เบียดเสียด ส่วนศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา ฟิตเนส เปิดได้ตามปกติ
- พื้นที่เฝ้าระวังสูง 10 จังหวัด สีเหลือง ร้านอาหารเปิดได้ไม่เกิน 24.00 น. ทานอาหาร ดื่มสุราในร้านได้ ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์เปิดไม่เกิน 24.00 น. ดื่มสุรา แสดงดนตรีสดในร้านได้ งดเต้นรำ ส่วนศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา ฟิตเนส เปิดได้ตามปกติ
- พื้นที่เฝ้าระวัง 53 จังหวัดหรือสีเขียว ร้านอาหาร สถานบันเทิง ผับ บาร์ ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา สถานที่ออกกำลังกาย เปิดได้ตามปกติ
ทั้งนี้ มาตรการที่กำหนดขึ้นวันนี้จะเน้นตามสถานการณ์โรค เน้นพื้นที่ควบคุมสูงสุดคือ สีแดง โดยย้ำสถานบันเทิง การงดดื่มสุรา และจะนำเสนอต่อ ศบค. ชุดเล็กในวันที่ 7 เมษายนนี้ เพื่อบังคับทางกฎหมาย โดยมาตรการนี้จะให้คงอยู่ 2 สัปดาห์ และประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่ว่ามาตรการใดๆ สิ่งสำคัญอยู่ที่ความร่วมมือของประชาชน เพราะหลายท่านบอกว่าอาจไปดื่มที่บ้านแทน หากทำเช่นนั้นการควบคุมโรคก็จะไม่ได้ง่าย ซึ่งเวลาติดต่อโรคโควิด-19 จะมี 2 อย่าง จุดเสี่ยง คือสถานที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก มีความแออัดของผู้คน และพฤติกรรมเสี่ยง การมีปฏิสัมพันธ์พบปะพูดคุยกับคนอื่นๆ โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย เช่น การรับประทานอาหาร การดื่มสุรา จึงขอความร่วมมือประชาชนอย่าพาตัวเองไปที่จุดเสี่ยง และพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะช่างสงกรานต์ ซึ่งเทศกาลนี้อาจไม่สนุกเหมือนที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีกิจกรรมสรงน้ำพระ ขอพรผู้ใหญ่ แต่ขอให้เว้นระยะห่าง ส่วนกิจกรรมสาดน้ำ หรือกิจกรรมที่มีคนแออัดเยอะๆ ปีนี้ขอให้งดเว้นก่อน