×

รอยยิ้มที่หายไปของ อารอน แรมส์เดล (แต่มีอะไรที่มากกว่านั้น)

15.11.2023
  • LOADING...
Aaron Ramsdale

HIGHLIGHTS

4 MIN READ
  • แรมส์เดลซีเนียร์เปิดเผยว่า วันนี้รอยยิ้มที่สดใสของแรมส์เดลจูเนียร์ได้หายไปแล้ว หลังจากต้องตกเป็นมือสองของทีมอาร์เซนอล โดยขีดเส้นใต้ว่าเจ้าตัวเองก็ไม่เคยจับสัญญาณได้มาก่อนเหมือนกัน และแน่นอนว่าคนในครอบครัวเองก็ไม่เคยรู้
  • แรมส์เดลเปิดใจและทำให้เกิดประเด็นถกเถียงพูดคุยกันไม่น้อยในหมู่แฟนอาร์เซนอล โดยเขายอมรับด้วยตัวเองว่าประสบปัญหาในเรื่องของการ ‘รักษาสมาธิ’ ในการเล่นให้ได้ตลอดทั้ง 90 นาที 
  • พูดง่ายๆ คือ รายาทำให้ทีมเบรนท์ฟอร์ดเสียประตูน้อยลงไป 6 ลูกในฤดูกาลที่แล้ว ในขณะที่แรมส์เดลทำให้อาร์เซนอลเสียประตูมากกว่าที่ควรจะเสีย 3 ลูก

เมื่อไม่นานมานี้ อารอน แรมส์เดล คือผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่เป็นหนึ่งในขวัญใจของชาว Gooners ด้วยลีลาการเซฟประตูที่ห้าวหาญกับรอยยิ้มกว้างที่สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ทั้งเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลเสมอ

 

รอยยิ้มและการเซฟของแรมส์เดลทำให้อาร์เซนอลเกือบคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้วได้

 

แต่วันนี้รอยยิ้มนั้นได้หายไปแล้ว ตามการบอกเล่าของ นิค แรมส์เดล ผู้เป็นพ่อของนายทวารดีกรีทีมชาติอังกฤษวัย 25 ปี ที่เปิดสี่ห้องหัวใจแบบหมดเปลือกถึงความรู้สึกต่อการที่ได้เห็นลูกชายถูกปลดจากการเป็นมือหนึ่งของทีม ตำแหน่งที่ตกเป็นของ ดาบิด รายา นายทวารเบอร์หนึ่งคนใหม่ในใจของ มิเกล อาร์เตตา

 

เพียงแต่ในรอยยิ้มที่หายไปของแรมส์เดล

 

เจ้าตัวเองก็มีความในใจที่สารภาพออกมาด้วยเหมือนกัน

 

Aaron Ramsdale

 

เรื่องราวเบื้องลึกที่เกี่ยวข้องกับปัจจุบันและอนาคตของอดีตผู้รักษาประตูบอร์นมัธได้รับการเปิดเผยจากปากของ นิค แรมส์เดล ผู้เป็นพ่อ ที่เปิดใจในรายการ Highbury Squad Podcast โดยมี เควิน แคมป์เบลล์ อดีตหัวหอกอาร์เซนอล เป็นผู้ดำเนินรายการ

 

แรมส์เดลซีเนียร์เปิดเผยว่า วันนี้รอยยิ้มที่สดใสของแรมส์เดลจูเนียร์ได้หายไปแล้ว หลังจากต้องตกเป็นมือสองของทีมอาร์เซนอล โดยขีดเส้นใต้ว่าเจ้าตัวเองก็ไม่เคยจับสัญญาณได้มาก่อนเหมือนกัน และแน่นอนว่าคนในครอบครัวเองก็ไม่เคยรู้

 

“พวกเราไม่ระแคะระคายเลย อารอนก็ไม่รู้ว่าเขาจะไม่ได้เล่นต่อ เมื่อรู้ตัวอีกทีก็คือเขาไม่ได้ลงเล่นอีกแล้ว”

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้แรมส์เดลผู้พ่อขอเลือกที่จะไม่เก็บความรู้สึก 

 

“เรื่องนี้เราต้องดูกันแบบเป็นส่วนตัว และตัวผมเองบางทีก็อาจจะพูดมากเกินไป แต่อารอนกำลังเป็นผู้รักษาประตูที่จะได้เล่นแค่ในบอลถ้วย และ ดาบิด รายา จะเป็นผู้เล่นหลักจนกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เช่น บาดเจ็บหรือโดนไล่ออก”

 

ประเด็นสำคัญที่ทำให้ นิค แรมส์เดล ไม่พอใจคือ การที่ลูกชายได้รับการปฏิบัติแบบนี้จาก มิเกล อาร์เตตา ที่ไม่เคยพูดตรงๆ ออกมาว่าเขาต้องการที่จะเปลี่ยนผู้รักษาประตูมือหนึ่ง

 

ทั้งๆ ที่ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ อารอน แรมส์เดล เพิ่งจะต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปอีก 3-4 ปี พร้อมเงื่อนไขในการขยายระยะเวลาในสัญญาอีก 1 ปี

 

“อารอนต้องอยู่ไปแบบนี้โดยที่เขาไม่เคยได้รับการแจ้งอะไรเลยจากใครก็ตาม” นิคผู้ยืนยันว่าเรื่องนี้ ดาบิด รายา ไม่ได้ทำอะไรผิด และลูกชายของเขาก็พยายามอย่างดีที่สุดในการสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมในทุกวัน

 

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจของประตูที่เคยมีรอยยิ้มตลอดเวลา แต่ตอนนี้รอยยิ้มนั้นได้หายไปแล้ว

 

“อารอนสูญเสียรอยยิ้มนั้นไปแล้ว และการต้องเห็นเขาอยู่แบบนั้นเป็นสิ่งที่ทำใจยอมรับได้ยาก” แรมส์เดลคนพ่อบอก “เราพยายามบอกเขาว่าลูกต้องยิ้มสู้ไว้นะ แต่ในเวลานี้เราไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาอีกแล้ว”

 

Aaron Ramsdale

 

ผู้รักษาประตูที่ไม่มีสมาธิ?

 

แต่สิ่งที่ นิค แรมส์เดล บอกในรายการ Highbury Squad Podcast นั้นเป็นแค่ด้านหนึ่ง

 

ยังมีอีกหนึ่งด้านที่ออกมาจากปากและใจของ อารอน แรมส์เดล ที่ไปให้สัมภาษณ์ในรายการ Behind the Game ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรายการพอดแคสต์ของ เอียน ไรต์ ตำนานดาวยิงขวัญใจตลอดกาลของชาวไฮบิวรี

 

แรมส์เดลไม่ได้พูดถึงในประเด็นเรื่องของการที่เขาโดน ดาบิด รายา เบียดแย่งตำแหน่งไป แต่สิ่งที่เขาออกมาเปิดใจก็ทำให้เกิดประเด็นถกเถียงพูดคุยกันไม่น้อยในหมู่แฟนอาร์เซนอล

 

ประเด็นที่ว่าคือเรื่องของการทำหน้าที่ในสนาม ซึ่งเขายอมรับด้วยตัวเองว่าประสบปัญหาในเรื่องของการ ‘รักษาสมาธิ’ ในการเล่นให้ได้ตลอดทั้ง 90 นาที และนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขามักจะหันไปตอบโต้กับแฟนบอลฝั่งตรงข้ามที่พยายามด่าทอและยั่วยุเสมอ รวมถึงพยายามเรียกเสียงเชียร์จากแฟนบอลอาร์เซนอลด้วยกันเอง

 

“ถ้าคุณขอให้ผมรักษาสมาธิในการเล่นตลอดทั้ง 90 นาทีถือว่าผมจบเลย เพราะผมทำไม่ได้” คำสารภาพของแรมส์เดลทำให้ เอียน ไรต์ ถึงกับตะลึง

 

“ดังนั้นนี่เป็นเหตุผลที่ผมพยายามที่จะมีส่วนกับแฟนๆ ผมร้องเพลงเชียร์ไปด้วยกัน หรือถ้ามีใครมาด่าผม ผมก็จะหันกลับไปด่ากลับ

 

“ผมจะมีช่วงเวลา 2-3 นาทีที่ในหัวของผมจะเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง จากนั้นผมจะกลับมามีสมาธิกับเกมฟุตบอล ผมจะกลับมามีสมาธิเต็มที่อีก 10-15 นาที และหลังจากนั้นมันก็จะถึงช่วงพักครึ่งพอดี”

 

การออกมาเปิดใจแบบนี้ของแรมส์เดลทำให้แฟนอาร์เซนอลบางส่วนหมดความเชื่อใจในตัวนายทวารที่เคยเป็นกำลังสำคัญของทีมทันที

 

หนึ่งในแฟนบอลได้โพสต์บน X (Twitter) ว่า “ผมจำได้ว่าในเกมกับเซาแธมป์ตัน เราแพ้เพราะเขาเงยไปดูนก”

 

ก่อนที่จะมีแฟนบอลอีกคนช่วยแชร์คลิปดังกล่าวขึ้นมา ที่จะเห็นแรมส์เดลมองนกที่อยู่แถวหน้าปากประตู ก่อนที่ สจรวร์ต อาร์มสตรอง นักเตะทีมเซาแธมป์ตัน จะหลุดเข้ามาและยิงผ่านตัวเขาไป ซึ่งเกมนี้ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจริงๆ แล้วอาร์เซนอลไม่ได้แพ้ เพราะเกมจบลงด้วยการเสมอกัน 1-1 แต่ก็ถือว่าทำให้อาร์เซนอลต้องเสียแต้มอยู่ดี

 

ทั้งนี้ แม้ว่าเรื่องของการรักษาสมาธิตลอด 90 นาทีในเกมจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายสำหรับผู้รักษาประตู และมีผู้รักษาประตูระดับชั้นนำอีกจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาเหมือนกันและมีวิธีในการรับมือกับปัญหาในแบบที่คล้ายกับแรมส์เดล

 

แต่ประเด็นใหญ่ที่มีคนอีกส่วนตั้งคำถามคือ บางทีแรมส์เดลควรจะเก็บเรื่องราวนี้ไว้เป็นความลับส่วนตัว

 

เพราะการออกมาเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเองแบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา

 

Aaron Ramsdale

 

สิ่งที่ทำให้แรมส์เดลแพ้รายา

 

ถึงแม้ว่า ดาบิด รายา เองก็ยังไม่ได้พิสูจน์ให้แฟนบอลรวมถึงนักวิเคราะห์เชื่อใจได้ว่าเขาดีกว่า อารอน แรมส์เดล จริงๆ เพราะยังมีหลายนัดที่เล่นได้ไม่ดีนัก

 

แต่ Sky Sports มีการรวบรวมค่าสถิติที่อาจมีส่วนสำคัญในการทำให้อาร์เตตาเลือกที่จะไว้ใจประตูชาวสเปนวัย 28 ปีมากกว่าแรมส์เดล

 

หนึ่งในค่าสถิติที่สำคัญคือเรื่องของค่าสถิติ xG สำหรับผู้รักษาประตูจากฤดูกาลที่แล้ว

 

  • ดาบิด รายา สามารถช่วยให้ทีมไม่เสียประตูถึง 6 ลูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ควรจะเสีย
  • อารอน แรมส์เดล ทำให้ทีมเสียประตูเกินกว่าค่าเฉลี่ยที่ควรจะเสีย 3 ลูก

           

หรือพูดง่ายๆ ก็คือ รายาทำให้ทีมเบรนท์ฟอร์ดเสียประตูน้อยลงไป 6 ลูกในฤดูกาลที่แล้ว ในขณะที่แรมส์เดลทำให้อาร์เซนอลเสียประตูมากกว่าที่ควรจะเสีย 3 ลูก​​ (และหนึ่งในนั้นเกิดจากการมัวแต่มองนก…)

 

แต่ยังมีค่าสถิติที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การผ่านบอลสำเร็จของผู้รักษาประตู

 

ในบรรดา 15 ผู้รักษาประตูพรีเมียร์ลีกที่ผ่านบอลเกินกว่า 500 ครั้ง (นับจากฤดูกาล 2022/23) มีแค่ 3 คนที่ผ่านบอลได้สำเร็จมากกว่าที่คาดหวัง (Pass Completion Percentage Compared to Expected) คนแรกคือ เจสัน สตีล นายทวารไบรท์ตัน ซึ่งเป็นผู้รักษาประตูที่ใช้เท้าเล่นดีที่สุดคนหนึ่ง และเป็นหัวใจสำคัญในระบบการเล่นแบบ Positioning Play ของทีม The Seagulls ซึ่งผ่านบอลได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยที่คาด 1.13 ครั้ง

 

คนต่อมาคือ อลิสสัน เบ็คเกอร์ ประตูระดับเวิลด์คลาสของลิเวอร์พูล ซึ่งนอกจากจะเซฟบอลได้อย่างสุดยอดแล้ว เขาก็ยังผ่านบอลได้ดีมากด้วย บางครั้งเป็นคนทำแอสซิสต์ได้ด้วยซ้ำไป โดยเขาผ่านบอลได้ดีกว่าที่คาด 0.63 ครั้ง

 

คนที่ 3 ก็คือ ดาบิด รายา ของเบรนท์ฟอร์ด ซึ่งผ่านบอลได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยที่คาด 0.06 ครั้ง

 

ตัวเลขพวกนี้เหมือนจะน้อยแต่ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่ประตูที่คิดว่าออกบอลได้เทพๆ อย่าง เอแดร์สัน (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) ยังอยู่ในอันดับที่ 5 (-0.69) ส่วนอันดับที่ 4 คือ เอมี มาร์ติเนซ (แอสตันวิลลา) ที่สถิติอยู่ที่ 4 (-0.38)

 

แต่ที่น่าสนใจมากที่สุดคือ อารอน แรมส์เดล ที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่เปิดบอลได้ดี แต่ค่าสถิติของเขาแย่ที่สุดถึง -3.95

 

แย่ยิ่งกว่า ดาบิด เด เคอา ประตูที่ เอริก เทน ฮาก ไม่ชื่นชอบเพราะใช้เท้าได้ไม่ดี (-3.15)

 

สถิติตัวนี้ไม่ได้เป็นเหตุผลเดียว แต่เชื่อได้ว่าทีมงานของอาร์เตตามีการนำสถิติและข้อมูลทุกอย่างมาประกอบการตัดสินใจ ก่อนที่จะขอดึงตัวรายามาเป็นมือหนึ่งของทีมแทนแรมส์เดล

 

เพราะเกมฟุตบอล แค่รอยยิ้ม นิสัยดี และมีน้ำใจ อาจไม่เพียงพอสำหรับทีมที่ต้องการประสบความสำเร็จ

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising