สมรภูมิการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ร้อนระอุ เมื่อ EU ปล่อยหมัดสวนสหรัฐฯ ด้วยกำแพงภาษีที่เริ่มมีผลบังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 2,800 ล้านยูโรตั้งแต่วันนี้ (22 มิ.ย.) ครอบคลุมน้ำส้ม วิสกี้ ไปจนถึงรถจักรยานยนต์แบรนด์ดัง
ฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เปิดเผยว่ามาตรการภาษีอากรครั้งนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้นโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่เขาสั่งให้เก็บภาษีอากรสินค้านำเข้าประเภทเหล็กและอะลูมิเนียมจาก EU ในอัตรา 25% และ 10% ตามลำดับ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา
ยุงเกอร์ปาฐกถาที่รัฐสภาไอร์แลนด์ในกรุงดับลินว่า “เราจะทำในสิ่งที่เราต้องทำเพื่อถ่วงดุลและปกป้อง EU หลังจากสหรัฐฯ ทำสิ่งที่ไร้เหตุผลและขัดแย้งกับประวัติศาสตร์”
สำหรับอัตราภาษีที่ EU เรียกเก็บจากสินค้าสหรัฐฯ มีหลายระดับ เช่น ยาสูบ เนยถั่ว แครนเบอร์รี และมอเตอร์ไซค์แบรนด์ Harley-Davidson จะเก็บที่อัตรา 25% ส่วนเสื้อผ้าบางประเภท รองเท้า และเครื่องซักผ้า จะเก็บที่อัตราสูงถึง 50%
นอกจาก EU แล้ว สหรัฐฯ ยังทำสงครามการค้ากับจีน แคนาดา และเม็กซิโกด้วย โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ขู่ว่าจะขยายขอบเขตมาตรการภาษีอากรกับสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หากจีนพยายามเอาคืนสหรัฐฯ จากเมื่อครั้งที่ทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนมูลค่า 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐก่อนหน้านี้
ทรัมป์ให้เหตุผลว่ามาตรการภาษีจะช่วยแก้ปัญหาขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ได้ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสหรัฐฯ มียอดนำเข้ามากกว่ายอดส่งออก และปัจจุบันมียอดขาดดุลการค้าอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ทรัมป์ประกาศกร้าวว่าจะไม่ยอมให้ประเทศใดเอาเปรียบสหรัฐฯ ในด้านการค้าอีกต่อไป
อ้างอิง:
