หากใครเคยไปเกียวโตแล้วได้ยินชื่อร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งชื่อดังอย่าง MOTOÏ Kyoto ที่ได้ดาวมิชลินติดต่อกันถึง 10 ปีซ้อน แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองสักที ข่าวดีคือตอนนี้ เชฟโมโตอิ มาเอดะ (Motoi Maeda) เปิดร้านอาหารในเมืองไทยแล้ว
เราขอเล่าให้ฟังสักนิดว่า เชฟโมโตอิเป็นเชฟที่ทำร้านอาหารได้รับ 1 ดาวมิชลินติดต่อกันถึง 10 ปีซ้อน ถือเป็นร้านขึ้นชื่อในกรุงเกียวโตเลยก็ว่าได้ ซึ่งจุดเริ่มต้นของเชฟก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะตัวเชฟแม้เป็นชาวญี่ปุ่นแต่ก็เริ่มทำงานในร้านอาหารจีนก่อนเป็นเวลากว่า 3 ปี และฝึกฝนในโตเกียวอีก 7 ปี จากนั้นจึงบินไปทำงานในร้านอาหารฝรั่งเศสที่เมือง Beaune ประเทศฝรั่งเศส อยู่พักใหญ่ ก่อนกลับมาทำงานที่ร้านอาหาร 3 ดาวมิชลินในญี่ปุ่น จนตัดสินใจเปิดร้านอาหารของตัวเองในปี 2012 และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในชื่อ MOTOÏ Kyoto
และด้วยความที่เชฟมีประสบการณ์และทักษะการทำอาหารหลากสัญชาติ เสน่ห์ของ MOTOÏ Kyoto จึงเป็นร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งฝรั่งเศสสมัยใหม่ ที่มีกลิ่นอายของความพิถีพิถัน เคารพต่อธรรมชาติ และความเรียบง่ายแบบ Wabi-Sabi ของชาวเกียวโต ทำให้อาหารของเชฟโมโตอิ แม้จะเป็นไฟน์ไดนิ่งแต่ยังมีความอบอุ่น ถ่อมตน และเข้าถึงได้ง่ายในแบบของอาหารญี่ปุ่นที่เราหลงรัก
เชฟโมโตอิ มาเอดะ (Motoi Maeda)
The Vibe
การออกแบบของ MOTOÏ Bangkok ได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์ Wabi-Sabi ที่อยากให้แขกสัมผัสกับบรรยากาศที่เรียบง่ายแต่หรูหรา เน้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติและหน้าต่างขนาดใหญ่ที่เปิดรับทัศนียภาพของสวนสไตล์เซนด้านนอก ตั้งแต่ประตูทางเข้าที่เราเห็นสวน ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย สงบ และตัดสิ่งรบกวนจากภายนอก ภายในร้านมีที่นั่งตรงเคาน์เตอร์จำนวน 8 ที่นั่ง ที่เราสามารถมองเห็นการทำงานของทีมเชฟได้อย่างใกล้ชิด
The Taste
MOTOÏ Bangkok นำเสนออาหารแบบ Tasting Menu จำนวน 15 คอร์ส ที่เชฟขอเรียกว่า ‘Selection de la Saison’ ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลและวัตถุดิบที่หาได้ในช่วงเวลานั้นๆ ทั้งจากในประเทศไทยและทั่วโลก และอย่างที่บอกว่าเชฟมีความเชี่ยวชาญทั้งอาหารฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และจีน ทำให้เมนูแต่ละจานที่ออกมามีความสร้างสรรค์และคาดเดาได้ยากว่าจานถัดไปจะเป็นอย่างไร ถือเป็นคอร์สที่มอบประสบการณ์การกินที่หลากหลาย ทั้งในแง่การมองเห็น รสสัมผัส และการนำเสนอวัฒนธรรมผ่านทางอาหารของชาตินั้นๆ ได้อย่างน่าสนใจ เช่น รีซอตโตเป๋าฮื้อ, ปานีปูรี ซึ่งเป็นอาหารว่างของอินเดีย, ไข่ตุ๋นที่เสิร์ฟแบบเย็น ตัวโฟมมีส่วนผสมของอูนิและมีคาเวียร์ด้านบน และเปาะเปี๊ยะทอดที่ห่อแป้งมาอีกที ด้านในมีไส้เป็นกุ้งชิ้นโต จานนี้ชวนให้นึกถึงอาหารจีน
ปานีปูรีและเปาะเปี๊ยะทอด
รีซอตโตเป๋าฮื้อ
วันที่ไปลองเราชื่นชอบหลายจานที่เชฟโมโตอินำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นจานเรียกน้ำย่อยอย่างสลัดผักที่เชฟใส่ผักและสมุนไพรกว่า 50 ชนิด ซึ่งมีรสสัมผัสที่แตกต่างและรสชาติของผักที่กินพร้อมๆ กันแล้วดีมาก จานหลักมีให้เลือกระหว่างเนื้อและเป็ด จานเนื้อใช้เนื้อไทยที่มีรสค่อนข้างชัด ถูกใจคนชอบเนื้อที่แม้ไม่ละลายในปากแต่ก็ได้รสเนื้อที่เข้มข้น เข้ากันได้ดีกับซอส
ส่วนจานสุดท้ายของอาหารคาว ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ที่เชฟไม่ได้นำเสนอข้าวแต่เสิร์ฟมาเป็นราเมนที่ใช้เส้นทำเองจากร้าน No Name Noodle ตัวซุปเป็นโชยุ ถึงหน้าตาเรียบง่ายไม่หวือหวา แต่อิ่มทั้งรสชาติ ปริมาณ และความรู้สึก ถือเป็นจานจบของคาวที่อบอุ่น น่าประทับใจ
จานหลักเราเลือกเนื้อ ปิดท้ายด้วยราเมน
Good for
คนที่อยากลองอาหารไฟน์ไดนิ่งสไตล์ฝรั่งเศส-ญี่ปุ่นที่ดีและคุ้มค่า คอร์สเมนูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เข้าใจง่าย และที่สำคัญราคาไม่สูงจนเกินไปนัก ถือเป็นร้านที่เรากลับไปกินซ้ำได้เรื่อยๆ
MOTOÏ Bangkok
Location: โครงการ Patom Organic Living สุขุมวิท 49
Open: วันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) รอบการจอง 17.00 น. และ 20.00 น. จองผ่านเว็บไซต์ https://www.tablecheck.com/en/motoi-bangkok/reserve/message หรือ LINE: motoi_bkk
Contact: โทร. 06 5504 1668 และ LINE: motoi_bkk
Budget: 15 Course Tasting Menu ‘Selection de la Saison’ ราคา 3,800++ บาท / 4 Glasses Alcohol Pairing ราคา 2,200++ บาท
Map: