วานนี้ (15 ตุลาคม) พล.ต.ท. ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานว่า ที่ประชุมพูดคุยถึงความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ซึ่ง สส. และสมาชิกพรรคดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยมาอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ท. ปิยะ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังหารือถึงประเด็นการยกเลิก MOU 2544 ไทย-กัมพูชา ป้องอธิปไตยทางทะเล โดยพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าเกาะกูดเป็นพื้นที่และอาณาเขตของประเทศไทย โดยในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสว่า เกาะกูดแห่งนี้เป็นพื้นที่ของแผ่นดินไทย พรรคพลังประชารัฐจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาไว้ซึ่งอาณาเขตอาณาจักรของประเทศไทย โดยเฉพาะเกาะกูดจะต้องเป็นของคนไทย ทุกคนจะไม่มีการแบ่งเกาะกูดไปให้กับประเทศอื่นใดเพื่อประโยชน์ของกลุ่มบุคคลใดหรือครอบครัวหนึ่งครอบครัวใดเป็นอันขาด
“พล.อ. ประวิตร มอบหมายให้ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นหัวหน้าทีมศึกษาข้อมูลการยกเลิก MOU 2544 เชิงลึก เพื่อทำทุกวิถีทางในการรักษาไว้ซึ่งพื้นแผ่นดินไทย โดยเราจะไม่ยอมเสียผืนแผ่นดินไทยเป็นอันขาด” พล.ต.ท. ปิยะ กล่าว
นอกจากนี้ ศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรคประชารัฐมีเรื่องที่ต้องดำเนินการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขบวนการกรณีศึกษารถแก๊สที่ก่อเหตุและทำให้ต้องสูญเสียครูและนักเรียนจากจังหวัดอุทัยธานีหลายคน โดยโทษว่าเป็นความผิดอยู่ที่การทัศนศึกษา แต่พรรคมองถึงต้นเหตุที่แท้จริงในกระบวนการใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับแก๊ส NGV ซึ่งเรื่องนี้ทีมงานศูนย์นโยบายและวิชาการพรรคพลังประชารัฐดำเนินการศึกษาเพื่อขอเสนอแก้ไขแนวทางและมาตรการการใช้แก๊ส NGV ให้มีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิมและลดการสูญเสียที่เกิดขึ้น ปัญหาเหล่านี้จะต้องหมดไปจากประเทศไทย