วันนี้ (15 ตุลาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ระบุว่ายังไม่ได้รับการตอบรับเรื่องผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่า ข้อเท็จจริงมีการตรวจสอบแล้ว โดย พ.ศ. 2562 มีหนังสือตอบไปที่ สคบ. และ สคบ. รับทราบแล้ว ซึ่งข่าวที่ออกมาในช่วงแรกอาจจะคลาดเคลื่อน
สำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าของดิไอคอนกรุ๊ป เท่าที่ตนได้ติดตามดูสัดส่วนการตรวจสอบของ อย. กับสินค้าต่างๆ เหล่านี้ ดูแล้วไม่มีปัญหาอะไร มีเพียงปัญหาเรื่องฉลากที่อวดอ้างสรรพคุณเกินความเป็นจริง ฝ่าฝืนมาตรา 40 และ 41 พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 รวม 5 คดี โดยดำเนินคดีฐานจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้องไปเรียบร้อยแล้ว และมีการปรับไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน แต่ในส่วนของโทษทางอาญามีอยู่ 1 คดี ตอนนี้อยู่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและอยู่ในชั้นศาล ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของ อย.
‘ทวี’ มอบ DSI ติดตามทรัพย์สินคืนผู้เสียหาย
ด้าน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จะรับคดีดิไอคอนปรุ๊ปเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน แต่บริษัทดังกล่าวยังไม่ได้กระทำความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือความผิดแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมีความแตกต่างกันที่การหวังเอาเงินของผู้สมัครสมาชิกสินค้าซึ่งอาจมีหรือไม่มีบ้าง แต่ในคดีฉ้อโกงประชาชนเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พ.ต.อ. ทวีระบุว่า ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีได้เร็ว พร้อมเป็นห่วงเรื่องการสอบสวน ซึ่งสามารถนำมาเป็นคดีพิเศษได้ แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงาน ทราบว่าขณะนี้ใช้พนักงานสืบสวนทำคดีนี้กว่า 50 นาย ถือว่ามีประสิทธิภาพ แต่ในคดีลักษณะนี้เราจะเอาทรัพย์สินมาคืนให้ผู้เสียหาย โดยตนสั่งการให้ทาง DSI ดูเกี่ยวกับการฟอกเงินอยู่แล้ว หากจำนวนเงินเกินกว่า 300 ล้านบาท จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และหากหลักฐานเป็นประโยชน์ก็จะส่งให้เป็นคดีพิเศษ เช่น การเอาอัยการมาร่วมสอบสวน ซึ่งจะเข้าถึงข้อมูลได้ แต่ขณะนี้เราต้องการช่วยเหลือประชาชนดำเนินการทางแพ่ง โดยฟ้องคดีเป็นกลุ่มหรือคดีคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อติดตามทรัพย์สินคืนผู้เสียหาย
พ.ต.อ. ทวี ระบุด้วยว่า ได้มอบให้ DSI เป็นผู้ติดตามทรัพย์สินคืนให้กับผู้เสียหาย โดยเบื้องต้นทราบว่าทรัพย์สินเป็นถาวรวัตถุ ซึ่งอาจจะขอคืนเงินได้มากกว่า 700 ล้านบาท แต่ในรายละเอียดต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนที่ผู้เสียหายมีความกังวลว่าผู้เกี่ยวข้องกับบริษัทมีทั้งอัยการและเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น พ.ต.อ. ทวีกล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในทุกคดี ความเชื่อมั่นของประชาชนคือคนทำงานต้องไม่อคติ อคติเพราะความชอบหรืออคติเพราะความผูกพัน ยืนยันว่ารัฐบาลนี้พยายามยกระดับไม่อคติกับทุกเรื่อง เราจะให้พยานหลักฐานเป็นผู้พูด
รมว.พม. ขอรอเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบก่อนพิจารณาแนวทางช่วยเหยื่อคนพิการ
วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ภารกิจของกระทรวง พม. มีหน้าที่ดูแลพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ซึ่งหากโดนละเมิดสิทธิ์ก็สามารถใช้สวัสดิการของรัฐได้ กรณีที่เกิดขึ้นอยู่ภายใต้การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะเข้าข่ายการทุจริตหลอกลวงหรือไม่ ซึ่งต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมีข้อสรุปก่อน แล้วจึงจะมาพิจารณาว่าคนพิการที่ได้รับผลกระทบนั้นโดนละเมิดสิทธิ์หรือมีปัจจัยใดที่กระทรวง พม. จะเข้าไปดูแลได้
เมื่อถามว่าการให้ความช่วยเหลือ เช่น การจัดหาทนาย จะสามารถทำได้หรือไม่ วราวุธกล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังไม่เคยได้ยิน จะขอไปสอบถามดูก่อน แต่หากคนพิการมีความเดือดร้อน จะหารือกับศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) (โทร. 1300) ว่ากระทรวง พม. จะสามารถซัพพอร์ตในการจัดหาทนายหรือทำอย่างอื่นให้ได้อย่างไร
