วันนี้ (8 ตุลาคม) ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ซึ่งดำเนินรายการโดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา ถึงการรับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ว่า การเข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้ไม่ใช่เพราะต้องการตำแหน่งหรือต้องการเข้ามามีอำนาจ แต่เป็นการเข้ามาช่วยงาน โดยไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะตามที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันตำแหน่งดังกล่าวก็ไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงไม่ได้มีค่าตอบแทนอะไร
นอกจากนั้นการรับตอบรับเข้ามาช่วยงานรัฐบาลในครั้งนี้มีหลายท่านแสดงความห่วงใยว่า เราควรช่วยงานเบื้องหลัง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องพบกับแรงเสียดทานทางการเมือง แต่ตนเองมองว่าหากจะมาช่วยงานต้องเปิดหน้า ไม่ใช่แอบทำข้างหลัง รวมถึงต้องไม่ปิดบังประชาชน ส่วนแรงเสียดทานใดๆ ที่จะเข้ามา ก็เป็นเรื่องที่ตนเองต้องน้อมรับ
เมื่อถามว่า การรับดำรงตำแหน่งในครั้งนี้ถือว่าเป็นการกลืนน้ำลายของตัวเองหรือไม่ ณัฐวุฒิกล่าวว่า “กลืนเลือด กลืนทุกอย่าง สิ่งที่ต้องกลืนนั้นสารพัดอย่างที่เกิดขึ้น พร้อมกับการเรียนรู้กับความเป็นจริงทางการเมือง เพราะการเมืองนั้นเป็นการจัดสรรอำนาจ ซึ่งเวลานี้ไม่สามารถทำไปได้มากกว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แม้จะมีสิ่งที่อยากทำ แต่สุดท้ายก็ต้องอยู่กับความเป็นจริงอยู่ดี”
ณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ตนเองตอบรับที่จะเข้ามาช่วยรัฐบาลเพื่อไทยตั้งแต่ช่วงปลายรัฐบาลภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้รับการทาบทามพูดคุยให้มาช่วยงานโดยตลอด
“นายกฯ เศรษฐา บอกผมว่า วันนั้นคุณเป็นคนบอกให้ผมตอบรับตำแหน่งสถานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย และเป็นนายกฯ ในที่สุด วันนั้นคุณบอกให้ผมมา ผมก็มา จนถึงตอนนี้ถ้าผมขอให้คุณมาช่วยบ้าง แต่ผมไม่กดดัน อยากให้ไปคิด และผมก็ตอบรับว่าจะมาเอง แต่ก็มาไม่ทัน”
ณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ตนเองตั้งใจว่าจะเข้ามาทำงานกับรัฐบาลเพื่อไทยอยู่แล้ว แต่ดันเกิดอุบัติเหตุกับรัฐบาลเศรษฐาเสียหายเสียก่อน พร้อมยืนยันว่า การรับตำแหน่งครั้งนี้ไม่ใช่การพลิกลิ้นกลับกลอกไปมา เพียงแต่สถานการณ์ที่ผ่านมาทำให้เราต้องคิดใหม่ 1 ปีที่ผ่านมาเราเห็นแล้วว่ารัฐบาลมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุและถูกกระทำได้ง่าย ขณะที่ตัวเราเองก็มีเรื่องที่ค้างคาอยู่ แต่ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็อยากให้ช่วย
“เมื่อผมพร้อมที่จะช่วยงานท่านนายกฯ เศรษฐา ก็ต้องพร้อมที่จะช่วยนายกฯ แพทองธารด้วยเช่นกัน ซึ่งการมาช่วยครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่านายกฯ เศรษฐา หรือนายกฯ แพทองธาร อยู่ในสถานการณ์ที่สาหัส และก็ไม่ได้หมายความว่าตนเองนั้นเก่งกาจสามารถ”
ณัฐวุฒิกล่าวยอมรับว่า การบริหารราชการแผ่นดินนั้นมีรายละเอียดที่กว้างขวางและซับซ้อน นายกฯ จึงต้องการให้หลายคนมาช่วยกันทำงาน และการที่ตนเองเข้าไปเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ นั้นไม่ได้หมายความว่างานทุกอย่างจะอยู่ที่ตนเอง และไม่ได้เอาชุดความคิดเห็นของใครเป็นใหญ่ โดยนายกฯ จะเป็นผู้ตัดสินใจในที่สุด
ณัฐวุฒิกล่าวยืนยันอีกว่า การเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ ครั้งนี้ มาเพื่อช่วยคิดและช่วยทำให้สถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการเมือง รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลที่จะออกไปยังประชาชน โดยไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ ทีมบ้านพิษณุโลก ทีมนั้นจะหนักไปที่การทำนโยบายที่จะมีผลต่อการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล แต่ในส่วนของตนเองนั้นจะเป็นงานที่เกี่ยวกับนายกฯ และเกี่ยวข้องแวดล้อมกับรัฐบาลเป็นหลัก
เมื่อถามว่า เป็นพี่เลี้ยงให้นายกฯ หรือไม่ ณัฐวุฒิกล่าวว่า นายกฯ แพทองธารไม่ต้องการพี่เลี้ยง เธอพร้อมที่จะเป็นนายกฯ ตั้งแต่วันที่ประกาศตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพียงแต่ว่าเราต้องมีทีมงาน เพราะงานแบบนี้ไม่สามารถมีใครทำคนเดียวได้
เมื่อถามถึงการเริ่มงานในตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ นั้น ณัฐวุฒิกล่าวว่า เริ่มทันที โดยจะเริ่มจากการประชุมต่างๆ ที่ทำเนียบรัฐบาล ส่วนที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของนายกฯ ที่มอบหมายงานหรือภารกิจให้
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าตัวเองจะเป็นสายล่อฟ้าให้กับนายกฯ ณัฐวุฒิกล่าวว่า ตราบเท่าที่นายกฯ และผู้ใหญ่ เห็นว่าตนเองเข้ามาช่วยแล้วมีประโยชน์ ก็ไม่คิดเช่นนั้น แต่เมื่อไรก็ตามที่มีการบอกว่าตนเองมาอยู่ตรงนี้แล้วทำให้รัฐบาลเดินหน้าได้ยากและลำบาก ก็พร้อมที่จะยุติบทบาท โดยไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง
“คำสั่งแต่งตั้งเมื่อวานนี้ทำเหมือนผมได้เข้าไปทำหน้าที่ในกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง หรือได้อำนาจ แต่ความจริงนั้นไม่ใช่ เราก็ทำหน้าที่ตามภารกิจที่นายกฯ ได้มอบหมาย โดยจะมีหรือไม่มีตำแหน่งก็ได้ เพียงแต่ไม่อยากปิดบังประชาชน ไม่อยากอ้ำอึ้งเวลาที่ถูกซักถามว่ามาช่วยรัฐบาลหรือไม่ ส่วนใครจะวิพากษ์วิจารณ์ก็ทำได้อย่างเต็มที่”
เมื่อถามว่า หลังจากที่ผ่านรัฐบาลเศรษฐามาแล้ว ใครคือบุคคลที่ชวนมารับตำแหน่ง ณัฐวุฒิกล่าวว่า เป็นการชวนต่อเนื่องที่ต่างกรรมต่างวาระ คนใกล้ชิดหลายคนก็โทรมาชวนให้กลับมาช่วยกัน ซึ่งไม่ขอลงรายละเอียด
เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับ ทักษิณ ชินวัตร หรือมีการชวนหรือไม่ ณัฐวุฒิกล่าวว่า “ก็ด้วย ได้มีการพูดคุยกับท่าน ท่านบอกว่า ทุกคนอยากให้คุณกลับมาแล้ว ถ้าคุณกลับมาจะสามารถช่วยอะไรได้มาก”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้ามารับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ แล้ว ตนเองก็มีหลายเรื่องที่อยากจะผลักดันด้วยเช่นกัน
ขณะที่แพทองธาร ชินวัตร กล่าวถึงกรณีแต่งตั้งณัฐวุฒิเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่กลุ่มผู้ชุมนุมมาปักหลักที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ว่า เรื่องนี้อาจเป็นเวลาที่พอดีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่เกี่ยวกัน ตนเองก็ได้ทำงานกับณัฐวุฒิมาตั้งแต่ที่ทำครอบครัวเพื่อไทย ก็เห็นความสามารถในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง หรือเรื่องการบริหารจัดการ หลายๆ เรื่องที่ให้คำปรึกษามาโดยตลอด จึงคิดว่าเวลานี้เหมาะกับการที่ณัฐวุฒิเข้ามา ซึ่งได้พูดคุยปรึกษากันนอกรอบเรื่อยๆ อยู่แล้ว จึงคิดว่าสามารถช่วยและทำประโยชน์ได้เยอะ
อ้างอิง:
