วันนี้ (11 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า พรรคประชาชนมีมติไม่ส่งชื่อบุคคลเป็นแคนดิเดตดำรงตำแหน่ง รองประธานสภา ผู้แทนราษฎร เนื่องด้วยมาตรา 106 แห่งรัฐธรรมนูญ ระบุไว้ว่า พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ไม่สามารถดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านและรองประธานสภาในเวลาเดียวกันได้
พริษฐ์ระบุว่า ที่ผ่านมาอาจจะเห็นพรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอผู้ท้าชิง รองประธานสภา อยู่บ้าง ซึ่งครั้งนี้พรรคประชาชนเป็นแกนนำฝ่ายค้าน และ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ก็เป็นว่าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และประกาศความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ตั้งแต่วันที่เลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้ในที่ประชุม สส. พรรคประชาชนเมื่อวานนี้ (10 กันยายน) มีมติไม่ส่งคนลงแข่งตำแหน่งรองประธานสภา เพื่อให้พรรคประชาชนเดินหน้าทำหน้าที่ต่อได้
พริษฐ์กล่าวต่อว่า ไม่ว่าหลังจากนี้ใครจะมาดำรงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 และ 2 ตนเองอยากเห็นสภา ‘มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ประชาชนเข้าถึงได้’ เนื่องจากปัจจุบันยังมีกฎหมายที่ค้างอยู่ในวาระสภาจำนวนมาก และอยากให้เกิดความโปร่งใสในการทำงานของ สส. ในสภา อีกทั้งความโปร่งใสในการตรวจรับอาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นภารกิจเฉพาะหน้าของประธานสภาและรองประธานสภาชุดนี้
รวมถึงการเปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมแสดงความเห็นต่อร่างกฎหมายและมีปฏิสัมพันธ์กับ สส. พริษฐ์หวังว่าอะไรที่รองประธานสภาคนก่อนอย่าง ปดิพัทธ์ สันติภาดา ริเริ่มไว้ก็อยากเห็นรองประธานสภาคนใหม่สานต่อและช่วยผลักดัน สำหรับวันนี้จะมี สส. พรรคประชาชนลุกขึ้นหารือกับประธานสภาและรองประธานสภาทั้ง 2 คนถึงทิศทางการบริหารรัฐสภา ขอให้รอติดตาม
ส่วนการเสนอชื่อผู้นำฝ่ายค้านคงใช้เวลาไม่มากนักและเป็นไปตามขั้นตอน ที่ผ่านมาอาจต้องรอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ลงตัวก่อน เพราะการจะตั้งผู้นำฝ่ายค้านได้ ต้องดูว่าพรรคไหนอยู่ซีกรัฐบาลบ้าง ซึ่งเมื่อเกิดความชัดเจนแล้ว พรุ่งนี้ (12 กันยายน) จะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา คงไม่ใช้เวลานานในการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้าน พรรคประชาชนชัดเจนว่าจะเดินหน้าในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุกและตรวจสอบแทนประชาชน อะไรที่เห็นต่าง ต้องแข่งขันกันในเชิงความคิด ส่วนที่เห็นตรงกันก็ร่วมแรงกัน
