วันนี้ (4 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา เดชอิศม์ ขาวทอง สส. จังหวัดสงขลา เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวชี้แจงกรณีสื่อมวลชนสำนักหนึ่งนำเสนอคลิปที่มีเนื้อหาพาดพิงให้เกิดความเข้าใจว่า เดชอิศม์เชื่อมโยงกับอาชญากรข้ามชาติและขบวนการค้ายาเสพติด
เดชอิศม์กล่าวว่า วันนี้จำเป็นต้องออกมาพูด เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบสิทธิอย่างมาก พร้อมชี้แจงกรณีที่เคยถ่ายภาพร่วมกับ โทนี่ เตียว ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินว่า เตียวเป็นนักธุรกิจใหญ่จากประเทศมาเลเซีย ซึ่งมาลงทุนทำธุรกิจที่จังหวัดสงขลากว่าพันล้านบาท ในขณะนั้น ทั้งแม่ทัพภาคที่ 4, ผู้ว่าราชการจังหวัด, นายอำเภอ และทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ไปอำนวยความสะดวก รวมถึงตนเองในฐานะที่เป็นคนสงขลา
เดชอิศม์ระบุว่า เมื่อมีนักธุรกิจเข้ามาลงทุน ไม่ว่าจะมาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ตนมีหน้าที่อำนวยความสะดวก แต่มีเงื่อนไขคือ ธุรกิจต้องถูกกฎหมายและบุคคลนั้นต้องไม่ทำผิดกฎหมายของประเทศไทย โดยส่วนตัวรู้จักกับเตียวเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ต่อมาเตียวบวช และตนเองในฐานะคนรู้จักจึงไปร่วมงานและช่วยอำนวยความสะดวก แต่ต่อมาทราบว่าเตียวทำผิดกฎหมายและถูกจับกุมที่ประเทศจีน ซึ่งหากเตียวทำผิดกฎหมายที่ประเทศไทยก็จะต้องถูกจับกุมและรับโทษที่ประเทศไทยก่อน ไม่สามารถส่งนักโทษไปประเทศจีนได้ ดังนั้น จึงชี้ให้เห็นว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย
สำหรับกรณีที่ถูกกล่าวหาเรื่องค้าน้ำมันเถื่อนและรอชี้มูลที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น เดชอิศม์กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2555 ขณะนั้นยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงสงสัยว่าเรื่องไปปรากฏที่ ป.ป.ช. ได้อย่างไร เนื่องจากผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวถูกสั่งฟ้องไปหมดแล้ว แต่ชื่อตนอาจปรากฏในกลุ่ม LINE ของกลุ่มผู้ต้องหา จึงส่งรายชื่อทั้งหมดไปตรวจสอบเท่านั้น และเน้นย้ำว่าเรื่องนี้ตนทำหนังสือชี้แจงไปยัง ป.ป.ช. แล้ว
ส่วนมาตรฐานทางจริยธรรมนั้น เดชอิศม์ยืนยันว่า ตนไม่เคยต้องคดีอาญาใดๆ เลยทั้งชีวิต ซึ่งหากมีคดีในลักษณะนี้จะต้องมีหมายเรียกหรือหมายจับ ต้องเข้ารายงานตัวและพิมพ์ลายนิ้วมือ เรื่องนี้ตนเองไม่มี ชีวิตนี้ตนมีเพียงคดีเดียวคือคดีเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ที่ นวพล บุญญามณี ฟ้องตน และสุดท้ายศาลยกฟ้อง
“จริยธรรมของนักการเมืองสำคัญ แต่จริยธรรมของสื่อก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ผมมีครอบครัว มีลูก มีภรรยา มีเพื่อนฝูง ผมได้ตำแหน่งมาจากการเลือกตั้ง พี่น้องประชาชนชาวสงขลาเลือกผมเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดสงขลาทั้งสองสมัย เพราะฉะนั้น ถ้าผมเกี่ยวพันในลักษณะนี้ พี่น้องที่เลือกตั้งผมก็เสียหายไปด้วย ครอบครัวผมเสียหายยับเยินอยู่แล้ว” เดชอิศม์กล่าว
อย่างไรก็ตาม เดชอิศม์กล่าวว่า คนที่ค้ายาเสพติดคือคนที่ชั่วช้าสามานย์ แต่คนไม่ค้ายาที่ถูกสื่อสำนักใดสำนักหนึ่งทำให้เข้าใจว่าค้ายา คนพวกนี้เลวร้ายกว่าคนค้ายา เพราะเป็นการทำร้ายสังคม
เดชอิศม์ระบุว่า รู้ว่าพี่น้องสื่อมวลชน 99% เป็นคนดี แต่ก็มีอีก 1% ที่ไม่ทราบว่าหวังผลประโยชน์ทางการเมืองหรือประโยชน์ใดๆ โดยการทำร้ายคนอื่น ทั้งเชื่อว่าเรื่องนี้มีกระบวนการอยู่เบื้องหลัง เพราะจ้องมาที่ตนและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพิเศษ ซึ่งข้อใดที่เข้าข่ายกฎหมายก็ต้องรักษาสิทธิ เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง
“ผมก็สงสารนักข่าวบางคน เพราะบางทีเขาไม่ใช่คนชั่ว แต่เขาชั่วโดยถูกเจ้านายสั่ง แต่บางคนชั่วโดยสันดานก็มี แต่ถ้าเขาไม่มีเจตนาชั่วจริงๆ ผมก็ไม่อยากฟ้องร้องอะไร” เดชอิศม์ระบุ