กำลังทหารยูเครนพร้อมรถหุ้มเกราะ ปืนใหญ่ และโดรน ปฏิบัติการบุกข้ามพรมแดนโจมตีเมืองซุดชา (Sudzha) ในแคว้นคูสก์ (Kursk) ทางตะวันตกของรัสเซีย ตั้งแต่ช่วงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา (6 สิงหาคม) ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนภายในเมืองซึ่งมีประชากรราว 5,000 คน ได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยถือเป็นหนึ่งในการโจมตีแผ่นดินรัสเซียที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดฉากสงครามบุกยูเครน
เบื้องต้นรัฐบาลมอสโกรายงานว่า มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน จากการโจมตีของกองทัพยูเครน ซึ่งประกอบด้วยกำลังทหารราว 1,000 นาย รถถัง 11 คัน และรถหุ้มเกราะ 20 คัน
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ชี้ว่า การกระทำของยูเครนถือเป็นการ ‘ยั่วยุครั้งใหญ่’ ซึ่งล่าสุดทางการรัสเซียได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในแคว้นแล้วเพื่อรับมือสถานการณ์ โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยว่า ได้โจมตีทางอากาศทำลายหน่วยติดอาวุธของฝ่ายยูเครนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แคว้นคูสก์ได้ประชุมทางไกลกับปูติน ยืนยันว่า ได้เตรียมรถบัสและรถไฟเพื่ออพยพผู้คนไปยังแคว้นอื่นๆ ของรัสเซียแล้ว ขณะที่กองทัพยูเครนพยายามขัดขวางการอพยพดังกล่าว
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน แถลงวานนี้ (8 สิงหาคม) ว่า “รัสเซียต้องรับรู้ถึงผลที่ตามมาจากการรุกรานยูเครน
“รัสเซียนำสงครามมาสู่ดินแดนของเรา และควรได้รับรู้ถึงสิ่งที่รัสเซียทำ ชาวยูเครนรู้วิธีบรรลุเป้าหมายของตน และเราไม่ได้เลือกที่จะบรรลุเป้าหมายของเราในสงคราม”
สำหรับแคว้นคูสก์ยังเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คูสก์ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย และจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยัง 19 แคว้นทั่วประเทศ โดยทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency: IAEA) กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์โจมตีที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด ขณะที่มีรายงานว่า ทางการรัสเซียได้เตรียมพร้อมเสริมความปลอดภัยที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้แล้ว
อ้างอิง: