ภายในเวลาเกือบ 2 ปี ผู้บุกเบิกที่ทำให้นวัตกรรม ChatGPT กลายเป็นที่รู้จักและถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบันอย่าง OpenAI ก็ยังคงพัฒนาออกฟีเจอร์ใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพด้วย Dall-E, สร้างวิดีโอด้วย Sora หรือสนทนากับแชตบอตด้วยการพูดจากความสามารถของโมเดล GPT-4o
อย่างไรก็ตาม แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI กล่าวในงาน Aspen Ideas Festival ว่า “บริษัทมีหลายสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกเยอะสำหรับ ChatGPT เวอร์ชันต่อไป เราหวังว่ามัน (GPT-5) จะแก้ข้อผิดพลาดหลายๆ อย่างที่ GPT-4 ทำผิดไป โดยเฉพาะในเวอร์ชันปัจจุบันที่ยังขาดการอธิบายเชิงเหตุผลอย่างถูกต้องและมักจะสร้างคำตอบที่ผิดอยู่ในบางครั้ง ผิดในลักษณะที่เด็ก 6 ขวบยังไม่น่าจะทำผิด”
ล่าสุด Bloomberg รายงานการประชุมภายใน OpenAI ว่า บริษัทตัดสินใจออกเกณฑ์วัดระดับความเก่ง AI ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ระดับ เพื่อจำแนกความก้าวหน้าของพัฒนาการซอฟต์แวร์ AI โดยเกณฑ์วัดนี้มีออกมาเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้ผู้คนเข้าใจถึงแนวคิดของ OpenAI เกี่ยวกับความปลอดภัยและอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ (AI)
เกณฑ์วัดดังกล่าวมีตั้งแต่ AI ที่มีความสามารถระดับปัจจุบัน หรือ AI ที่โต้ตอบด้วยการใช้ภาษาสนทนาทั่วไปกับคนได้ โดย OpenAI จัดให้ AI ประเภทนี้อยู่ระดับ 1 และจะไต่ระดับขึ้นไปเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งจะสิ้นสุดที่ระดับ 5 หรือ AI ที่มีศักยภาพความสามารถในการทำงานขององค์กร
ระดับความเก่ง AI ที่ OpenAI จำแนกตามการรายงานของ Bloomberg มีดังนี้
ระดับ 1: Chatbots ที่สามารถพูดคุยโต้ตอบเรื่องทั่วไปได้
ระดับ 2: Reasoners ที่สามารถตอบปัญหาในระดับเดียวกับมนุษย์ได้
ระดับ 3: Agents ระบบที่สามารถทำงานบางอย่างแทนมนุษย์ได้
ระดับ 4: Innovators ที่ช่วยมนุษย์สร้างนวัตกรรมได้
ระดับ 5: Organizations ระดับสูงสุดที่ AI มีความสามารถทำงานในลักษณะที่เป็นระบบองค์กรได้
เกณฑ์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้บริหารของ OpenAI และอยู่ระหว่างการรวบรวมความคิดเห็นจากคนทั่วไป พนักงาน นักลงทุน และคณะกรรมการ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป หลังจากได้ความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ ระดับความเก่งของ AI ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
ผู้บริหารของ OpenAI บอกว่า ปัจจุบัน AI ของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ 1 แต่กำลังเข้าใกล้ระดับที่ 2 หรือ ‘Reasoners’ ระดับที่ OpenAI นิยามว่าเป็นแชตบอตที่สามารถแก้ปัญหาพื้นฐานได้ดีพอๆ กับคนดีกรีปริญญาเอกแบบไม่มีเครื่องมือหรือตัวช่วยใดๆ
สำหรับ OpenAI เป้าหมายของบริษัทคือ การสร้าง Artificial General Intelligence (AGI) ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถทำงานประเภทต่างๆ ได้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ แต่ระบบดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่แซมคาดว่า AGI น่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นทศวรรษนี้
อ้างอิง:
