เศรษฐพุฒิ ย้ำ รัฐบาลควรแจกดิจิทัลวอลเล็ต ‘เฉพาะกลุ่ม’ แค่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เหตุการบริโภคในประเทศยังขยายตัวได้ เชื่อเศรษฐกิจไทยจะกลับมาโตในระดับศักยภาพที่ 3% ได้ แม้ไม่มีโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
วันนี้ (19 มิถุนายน) Bloomberg เปิดเผยบทสัมภาษณ์ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งระบุว่า ด้วยประมาณการการบริโภคภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 4% ในปีนี้ หลังจากขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7% ในปีที่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นอุปทานแบบทั้งกระดานแล้ว (Across the Board)
นอกจากนี้เศรษฐพุฒิยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลควรปรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยให้ครอบคลุมผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐราว 15 ล้านคนเท่านั้น
ความคิดเห็นดังกล่าวนับว่าเป็นไปในทางเดียวกับมุมมองของ ธปท. ที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้มาตลอด
“ถ้าคุณต้องการทำโครงการนี้ (ดิจิทัลวอลเล็ต) ควรทำแบบเฉพาะเจาะจง (Targeted) และลดขนาดลง (Smaller)” เศรษฐพุฒิกล่าว “เราไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นการบริโภคแบบทั้งกระดาน”
เศรษฐพุฒิกล่าวอีกว่า แม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนจะปรับตัวจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและเปราะบางยังคงประสบปัญหาจากผลกระทบจากโรคระบาดและต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้นหากจำกัดกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับดิจิทัลวอลเล็ตเฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ฐานะทางการคลังของรัฐบาลก็อาจดีขึ้น
เศรษฐพุฒิกล่าวอีกว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังมีความไม่แน่นอนพอสมควร ด้วยเหตุนี้ ธปท. จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้และปีหน้าจะขยายตัวที่ 2.6% และ 3% ตามลำดับ โดยไม่รวมผลจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
พร้อมทั้งมองว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยจะกลับมาสู่ระดับศักยภาพที่ 3% แม้ไม่มีโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นับเป็นการส่งสัญญาณว่าการดำเนินนโยบายการเงินของไทย (The Monetary Policy Path) จะไม่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะมีดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่
อ้างอิง: