×

กว่าความฝันจะเป็นจริง เบื้องหลัง เอ็มบัปเป สู่ ราชันชุดขาว

04.06.2024
  • LOADING...
เอ็มบัปเป เรอัล มาดริด

HIGHLIGHTS

6 MIN READ
  • ย้อนหลังกลับไปในปี 2022 เอ็มบัปเปเคยทำให้ทุกคนเชื่อมาแล้วว่าเขาจะย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ทีมในฝันที่เจ้าตัวเองก็ไม่เคยปิดบังเป็นความลับอะไร เพราะสัญญาที่มีกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง จะหมดลงในช่วงสิ้นสุดฤดูกาล 2021/22 แต่สุดท้ายกลับต่อสัญญาออกไป
  • เงื่อนไขที่เอ็มบัปเปวางเอาไว้ในสัญญาที่ทำร่วมกับเปแอสเชคือ จริงๆ แล้วสัญญาของเขาไม่ได้มีระยะเวลา 3 ปีจนถึงปี 2025 แต่อย่างใด สัญญาจริงๆ คือ 2 ปีจนถึงปี 2024 พร้อมเงื่อนไขที่จะขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี
  • ฟลอเรนติโน เปเรซ คือคนที่ทุบโต๊ะออกคำสั่งกับทุกคนว่า “เราจะไปเอาเอ็มบัปเปมาให้ได้” แต่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกับปี 2022 ที่ก็ต้องบอกว่าเรอัล มาดริดเสียหน้าแต่งตัวรอเก้อแล้วเจ้าสาวไม่มา พวกเขากำหนดแนวทางเอาไว้

“นี่คือความฝันที่เป็นจริง” คีเลียน เอ็มบัปเป โพสต์ภาพของตัวเองวัยเด็กที่อยู่ในชุดเสื้อสีขาวของทีมเรอัล มาดริด เพื่อเป็นการยืนยันข่าวต้นสังกัดใหม่ของเขาที่แม้ทุกคนจะรู้อยู่แล้ว แต่สำหรับกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสวัย 25 ปีคนนี้ มันคือช่วงเวลาที่เขารอคอยมาทั้งชีวิต

 

แต่ก่อนที่เอ็มบัปเปจะได้ใส่เสื้อของ ‘โลส บลังโกส’ เหมือนฮีโร่ในดวงใจ คริสเตียโน โรนัลโด แบบที่เคยฝันไว้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย

 

มีกระบวนการเจรจามากมายที่เกิดขึ้นตลอดช่วงระยะเวลามากกว่า 2 ปี

 

 

ความพยายามที่ล้มเหลว

 

ย้อนหลังกลับไปในปี 2022 เอ็มบัปเปเคยทำให้ทุกคนเชื่อมาแล้วว่าเขาจะย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ทีมในฝันที่เจ้าตัวเองก็ไม่เคยปิดบังเป็นความลับอะไร เพราะสัญญาที่มีกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง จะหมดลงในช่วงสิ้นสุดฤดูกาล 2021/22

 

แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวกลับพลิกผัน เมื่อเอ็มบัปเปเปลี่ยนใจต่อสัญญาฉบับใหม่กับเปแอสเชออกไป

 

การเกลี้ยกล่อมเอ็มบัปเปเพื่อให้เปลี่ยนใจอยู่ต่อในเวลานั้นถือเป็นปฏิบัติการในระดับชาติเลยทีเดียว เพราะเปแอสเชมีเจ้าของคือกาตาร์ ซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับรัฐบาลฝรั่งเศสโดยเฉพาะเรื่องการค้าขาย

 

นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี ประธานเปแอสเช ไม่ต้องการให้สมบัติล้ำค่าที่คว้าตัวมาจากโมนาโกตั้งแต่ปี 2017 ต้องไปจากสโมสรอย่างฟรีๆ

 

ความปรารถนาของเอ็มบัปเปที่ต้องการย้ายไปสเปนไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับ และเขาเคยแจ้งกับสโมสรมาแล้วครั้งหนึ่งว่าอยากไปเรอัล มาดริด ในช่วงฤดูร้อน 2021 ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับสโมสรและอัล-เคไลฟี เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการใช้เงื่อนไขของระยะเวลาในสัญญาที่เหลือแค่ฤดูกาลเดียวมาบีบ

 

ความไม่พอใจนั้นถึงขั้นที่เปแอสเชปฏิเสธข้อเสนอก้อนโตจากเรอัล มาดริดถึง 2 ครั้งที่ 160 และ 180 ล้านยูโร พร้อมประกาศกร้าวว่า หากเอ็มบัปเปจะต้องย้ายทีมก็ต้องเป็นการย้ายทีมด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกเท่านั้น

 

สุดท้ายก็ไม่มีการย้ายทีมเกิดขึ้น แต่ทุกคนเชื่อว่าเอ็มบัปเปจะได้ย้ายไปเรอัล มาดริดแบบฟรีๆ เมื่อหมดสัญญากับเปแอสเช ก่อนที่ทุกอย่างจะพลิกผัน เมื่อเจ้าตัวเปลี่ยนใจต่อสัญญาหน้าตาเฉย

 

ในงานแถลงข่าวเรื่องการต่อสัญญา กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสชูเสื้อร่วมกับอัล-เคไลฟี โดยหลังเสื้อนั้นมีชื่อ MBAPPÉ พร้อมกับเบอร์ 2025 ที่เป็นการบอกว่าเขาจะอยู่ที่ปาร์ค เดส์ แพรงซ์ออกไปจนถึงปีดังกล่าว

 

เพียงแต่ในเบื้องหลังแล้วกว่าจะทำให้เอ็มบัปเปเปลี่ยนใจได้นั้นเปแอสเชต้องพยายามอย่างมาก ทั้งการจ่ายเงินค่าตอบแทนมากมายมหาศาล เงินโบนัสพิเศษที่จะมอบให้เมื่ออยู่ครบตามสัญญา ไปจนถึงเรื่องที่มีการพูดกันว่าให้อำนาจในการกำหนดทิศทางสโมสร อยากให้ใครอยู่หรือไปจากทีมก็ได้ ซึ่งเวลานั้นมีข่าวว่าเขากำลังมีปัญหากับรุ่นพี่อย่างเนย์มาร์

 

เรื่องลุกลามไปถึงขั้นที่เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ต้องต่อสายหาเอ็มบัปเปโดยตรงเพื่อช่วยเกลี้ยกล่อม ประหนึ่งว่าการอยู่เปแอสเชต่อไปของเขาเป็นการทำเพื่อชาติ

 

อย่างไรก็ดี ในสัญญาที่เอ็มบัปเปทำไว้กับเรอัล มาดริดมีการวางเงื่อนไขใหญ่เอาไว้ เพื่อเป็นช่องทางในการปลดปล่อยตัวเอง คลายสลักชีวิต

 

เงื่อนไขที่เอ็มบัปเปวางเอาไว้ในสัญญาที่ทำร่วมกับเปแอสเชคือ จริงๆ แล้วสัญญาของเขาไม่ได้มีระยะเวลา 3 ปีจนถึงปี 2025 แต่อย่างใด

 

สัญญาจริงๆ คือ 2 ปีจนถึงปี 2024 พร้อมเงื่อนไขที่จะขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี เพียงแต่การจะใช้เงื่อนไขนั้นจะต้องแจ้งกับสโมสรก่อนในช่วงฤดูร้อนก่อนที่สัญญาจะหมดลง

 

เอ็มบัปเปได้ใช้วิธีในการส่งข่าวต่อผู้สื่อข่าวในฝรั่งเศสว่าเขาจะไม่ใช้เงื่อนไขในการต่อสัญญาออกไป ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับอัล-เคไลฟี เหมือนเดิมเพราะควรจะเป็นการพูดคุยภายในก่อน

 

แต่เอ็มบัปเปได้โต้แย้งว่าส่งจดหมายแจ้งความประสงค์ที่จะไม่ต่อสัญญาให้กับเปแอสเชไปแล้ว ซึ่งเป็นการแสดงจุดยืนที่หนักแน่นว่าคราวนี้จะขอติดปีกบิน

 

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเอ็มบัปเปเผชิญกับแรงเสียดทานมากมาย รวมถึงการขู่ที่จะดรอปพ้นทีมไปยาวๆ แต่สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ยอมอ่อนข้อประนีประนอมกัน เพราะไม่คิดว่าการหักด้ามพร้าด้วยเข่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย

 

เปแอสเชยังหวังว่าจะเปลี่ยนใจนักเตะได้ และยังคงพยายามมาโดยตลอด

 

เพียงแต่สำหรับเอ็มบัปเป เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว

 

ชุดที่เขาอยากใส่คือชุดขาวล้วนเท่านั้น

 

 

ความลังเลใจของเรอัล มาดริด

 

จากความพยายามในปี 2021 และการอกหักแบบหน้าแหกในปี 2022 สิ่งที่คนอาจไม่ทันฉุกคิดคือ แล้วเรอัล มาดริดยังต้องการเอ็มบัปเปเหมือนที่เอ็มบัปเปต้องการเรอัล มาดริดหรือไม่?

 

คำตอบที่น่าตกใจคือ พวกเขาไม่ได้ต้องการกองหน้าที่ว่ากันว่าเก่งที่สุดในโลกขนาดนั้น

 

เข้าปี 2024 เรอัล มาดริดหารือกันอย่างจริงจังถึงเรื่องของเอ็มบัปเป วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน แนวโน้มสิ่งที่จะเกิดขึ้น และคำถามสำคัญคือ พวกเขาควรจะคว้าตัวมาร่วมทีมด้วยจริงๆ ใช่ไหม?

 

เพราะเรอัล มาดริดในเวลานี้กำลังเปล่งประกาย พวกเขามีทั้งวินิซิอุส จูเนียร์ ตัวรุกสายฟ้าฟาดที่อันตรายที่สุดในโลก, โรดริโก เพชรเม็ดงามจากบราซิลที่เปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงจูด เบลลิงแฮม ที่กลายเป็นการเซ็นสัญญาแห่งทศวรรษ เพราะแค่ย้ายมาปีแรกเด็กวัย 19 ปีคนนี้ก็กลายเป็นเสาหลักในทีมได้เลย

 

ไม่นับนักเตะอย่างเฟเดริโก วัลเวร์เด, บราฮิม ดิอาซ, โอเรเลียง ชูอาเมนี, เอดูอาร์โด คามาวิงกา และอื่นๆ ที่ขุมกำลังแกร่งและแน่นทุกจุด

 

แชมป์ลาลีกา และล่าสุดแชมเปียนส์ลีกสมัยที่ 15 ของสโมสร คือบทพิสูจน์ความยอดเยี่ยมของเรอัล มาดริดในยุคนี้ภายใต้การนำของคาร์โล อันเชล็อตติ

 

ผู้บริหารระดับสูงของเรอัล มาดริดหลายคนไม่คิดว่าพวกเขาต้องการเอ็มบัปเปแล้วในเชิงของกีฬา เพราะทีมกำลังลงตัว การมาของเอ็มบัปเปอาจสั่นคลอนความกลมเกลียวภายในทีมได้ เพราะอย่างไรเขาก็จะได้เป็นนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดของสโมสร

 

อีกทั้งเรอัล มาดริดกำลังจะได้ตัวเอ็นดริก เด็กมหัศจรรย์ทีมชาติบราซิลวัย 17 ปีจากพัลไมรัสมาร่วมทีมในช่วงปิดฤดูกาลด้วย

 

ไม่นับผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของสโมสร ถึงจะมีสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งแตกต่างจากบาร์เซโลนาคู่แข่งที่ล้มลุกคลุกคลานมาหลายปี แต่พวกเขาก็มีภาระในเรื่องของการสร้างซานติอาโกเบร์นาเบวใหม่ทั้งหมดที่ใช้งบกว่า 1.3 พันล้านยูโร

 

เรียกว่าพวกเขาอาจแค่เคย ‘อยากได้’

 

แต่ตอนนี้ ‘ไม่จำเป็น’ ต้องมีเอ็มบัปเปก็ได้

 

 

คำสั่งจากหัวโต๊ะ

 

อย่างไรก็ดี คนที่มีอำนาจสูงสุดในเรื่องใดๆ ก็ตามของเรอัล มาดริดคือ ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรวัย 77 ปี

 

เปเรซคือคนที่ทุบโต๊ะออกคำสั่งกับทุกคนว่า “เราจะไปเอาเอ็มบัปเปมาให้ได้”

 

แต่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกับปี 2022 ที่ก็ต้องบอกว่าเรอัล มาดริดเสียหน้าแต่งตัวรอเก้อแล้วเจ้าสาวไม่มา พวกเขากำหนดแนวทางเอาไว้

 

  • จะไม่ออกข่าวใหญ่โต ทำตัวให้เงียบที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความไม่พอใจกับเปแอสเช
  • ขีดเส้นตายให้เอ็มบัปเปตัดสินใจว่าจะย้ายหรือไม่ย้าย
  • ค่าตัวจะได้ไม่เท่ากับข้อเสนอในปี 2022 ซึ่งตอนนั้นมีเงินค่าเซ็นสัญญา 130 ล้านยูโร และค่าเหนื่อยปีละ 26 ล้านยูโร

 

เมื่อเอ็มบัปเปและตัวแทนทราบเงื่อนไข ก็ส่งสัญญาณตอบรับด้วยการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองที่เป็นการบอกใบ้ว่าเขาพร้อมแล้วที่จะย้ายทีม

 

ส่วนเรื่องสิ่งที่จะได้ตอบแทนในการย้ายไปเรอัล มาดริดในเรื่องของตัวเงินนั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะสุดท้ายแล้วถึงค่าเหนื่อยจะไม่สูงมหาศาล แต่ก็มากกว่าจูเนียร์และเบลลิงแฮม เมื่อรวมกับเงินค่าเซ็นสัญญาจะทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดอยู่ดี

 

ทางฝั่งเรอัล มาดริด มองสัญญาณตอบรับจากเอ็มบัปเปว่าเป็นสัญญาณที่ดี จึงเดินหน้าต่อ โดยเปเรซเป็นผู้ที่เดินเรื่องการเจรจาด้วยตัวเอง ไม่ปล่อยให้มือขวามือซ้ายทำหน้าที่แทน

 

ในเดือนกุมภาพันธ์ทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันจริงจัง เปเรซได้ชี้แจงเรื่องค่าเหนื่อยที่จะได้ลดลง เพียงแต่การย้ายมาเรอัล มาดริดจะทำให้โปรไฟล์ของเอ็มบัปเปดีขึ้นในแง่ของแบรนด์ ทั้งระดับที่เหนือกว่าเปเแอสเช และฐานแฟนบอลที่มีทั่วโลก

 

ไม้ตายอีกอย่างคือเงื่อนไขลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ (Image Rights) ที่ปกติแล้วเรอัล มาดริดจะแบ่งกับนักเตะ 50-50 แต่สำหรับเอ็มบัปเปสโมสรยอมที่จะให้นักเตะได้รับมากกว่า เท่ากับฝั่งนี้ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล

 

 

ความฝันชั่วชีวิต

 

จุดที่ต้องกังวลสำหรับเอ็มบัปเปคือพันธะที่มีต่อเปแอสเช เพราะหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้อัล-เคไลฟี ไม่สามารถปล่อยตัวไปได้ง่ายๆ คือการที่สโมสรอาจประสบปัญหาทางบัญชีได้หากปล่อยตัวไปแบบฟรีๆ โดยไม่ได้รับค่าตัวแล้วต้องเสียเงินค่าเซ็นสัญญา

 

ตรงนี้เอ็มบัปเปได้หารือกับเปแอสเชด้วย เพื่อไม่ให้สโมสรต้องได้รับผลกระทบ โดยรวมถึงการยอมไม่รับเงินโบนัสที่ควรจะได้รับตามสัญญา หรือพูดง่ายๆ คือเขายอมทิ้งเงินร่วม 100 ล้านยูโร เพื่อให้สามารถย้ายทีมตามความฝันได้

 

ท่าทีของเอ็มบัปเปทำให้เปแอสเชยอมรับและไม่คิดที่จะรั้งอีกต่อไป

 

ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ วันเดียวกับที่เรอัล มาดริดพบกับแอร์เบ ไลป์ซิกที่เยอรมนี ทีมจากสเปนได้รับแจ้งข่าวว่าเอ็มบัปเปได้แจ้งกับเปแอสเชว่าเขาตัดสินใจที่จะแยกทางกับสโมสรหลังจบฤดูกาลนี้ทันที

 

เพียงแต่ข่าวนี้ถูกเก็บเงียบเอาไว้ก่อน จนกระทั่งหลังเกมจบลง โดยอันเชล็อตติได้รับแจ้งจากฝ่ายบริหารว่าเอ็มบัปเปจะมาเป็นลูกทีมของเขาในฤดูกาลหน้า

 

ถัดมาอีก 10 วัน มีคนพบว่าเอ็มบัปเปปรากฏตัวที่สเปน แต่เป็นที่บาร์เซโลนาไม่ใช่มาดริด เพียงแต่มีแหล่งข่าวระบุว่าก่อนหน้านั้นเขาได้ไปเซ็นสัญญาที่เมืองหลวงของสเปนแล้ว

 

หลังจากนั้นทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ก็เก็บเงียบด้วยเช่นกัน เพราะทั้งสองทีมต่างมีภารกิจในแชมเปียนส์ลีกอยู่ เพียงแต่มีการส่งสัญญาณเป็นระยะ เช่น การที่ หลุยส์ เอ็นริเก นายใหญ่เปแอสเชดรอปเขาออกจากทีม โดยให้เหตุผลว่า “ทีมควรจะเรียนรู้ที่จะเล่นโดยไม่มีเอ็มบัปเปบ้าง”

 

ก่อนที่สุดท้ายเมื่อเปแอสเชตกรอบรองชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก เอ็มบัปเปได้ประกาศด้วยตัวเองว่าเขาพร้อมแล้วสำหรับความท้าทายครั้งใหม่

 

เพียงแต่มีการสังเกตว่าในวิดีโอที่เอ็มบัปเปกล่าวขอบคุณทุกคนกลับไม่มีการขอบคุณอัล-เคไลฟี ประธานสโมสรแต่อย่างใด ซึ่งอาจหมายถึงรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองที่เกิดขึ้น

 

 

 
 
 
 
 
View this post on Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

A post shared by Kylian Mbappé (@k.mbappe)

 

 

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกแล้ว

 

2 วันหลังจากที่เรอัล มาดริดพิชิตแชมป์ยุโรปได้ เอ็มบัปเป ก็ได้โพสต์ข้อความและรูปยืนยันการย้ายทีมของเขาด้วยตัวเอง

 

ปิดฉากมหากาพย์ข่าวย้ายทีมที่กินระยะเวลานานเกือบ 3 ปีลงอย่างสวยงามสำหรับเอ็มบัปเป และเรอัล มาดริด

 

ชุดขาวที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต วันนี้มันเป็นของเขาแล้ว

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising