×

ไซบอร์กคนแรกของโลก! ชีวิตใหม่ของคนอัมพาตที่ได้รับพลังจาก Neuralink เทคโนโลยีของ Elon Musk ที่แค่คิดก็สั่งคอมพิวเตอร์ได้

27.05.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • โนแลน อาร์เบอห์ ไม่เคยได้ยินเรื่องราวของ Neuralink มาก่อน เบนจึงได้พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจอย่างง่ายๆ ว่า Neuralink จะฝังอุปกรณ์ไว้ที่สมองเลยเพื่อจะให้คนที่เป็นอัมพาตสามารถติดต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ผ่าน ‘ความคิด’
  • หลังส่งแบบสอบถามได้เพียงวันเดียว อาร์เบอห์ได้รับการติดต่อจาก Neuralink เพื่อสัมภาษณ์เพิ่มเติม จากนั้นเขาได้รับเชิญให้มาสัมภาษณ์ตัวต่อตัวที่สถาบันประสาทวิทยาบาร์โรว์ รัฐฟีนิกซ์ เพื่อตรวจสภาพของกะโหลกศีรษะด้วย
  • ก่อนเข้าห้องผ่าตัดอาร์เบอห์ได้มีโอกาสพูดคุยกับ อีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นฮีโร่ของเขาผ่านระบบวิดีโอคอล แม้ว่าความจริงแล้วซีอีโอแห่ง Neuralink, Tesla และ SpaceX ตั้งใจจะเดินทางมาให้กำลังใจด้วยตัวเองก็ตาม แต่เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมีปัญหาทำให้เดินทางมาไม่ทัน
  • จริงอยู่ที่เขากับ Neuralink มีช่วงเวลาที่ดีกันแค่สั้นๆ แต่สำหรับอาร์เบอห์แล้วมันเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับชีวิต และมากกว่านั้นคือการที่เขารู้ว่าข้อมูลที่ได้จากการทดลองในสมองของเขาจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้คนอีกมากมายในอนาคตข้างหน้า

ชีวิตของ โนแลนด์ อาร์เบอห์ (Noland Arbaugh) เหมือนถูกปีศาจจากนรกฉุดให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความมืดที่มองไม่เห็นแสงสว่าง

 

จากคนที่เคยแข็งแรงและมีทุกอย่าง กลายเป็นคนอัมพาตตั้งแต่คอลงมา ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือช่วยเหลือตัวเองได้อีกเลย 

 

แต่ด้วยเทคโนโลยีของ Neuralink หนึ่งในบริษัทของ อีลอน มัสก์ ได้ช่วยนำความหวังและความสุขกลับคืนมาให้กับอาร์เบอห์อีกครั้ง ด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวของเขาให้กลายเป็น ‘ไซบอร์ก’ มนุษย์ดัดแปลงที่มีอุปกรณ์พิเศษติดอยู่กับสมอง

 

แค่คิดก็สั่งงานคอมพิวเตอร์ได้อย่างน่ามหัศจรรย์

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

 

เริ่มต้นด้วยเรื่องราวน่าเศร้า

จุดเริ่มต้นเรื่องราวของไซบอร์กคนดังเกิดขึ้นจากเรื่องเศร้าในปี 2016 เมื่อ โนแลนด์ อาร์เบอห์ ได้ไปพักผ่อนกับเพื่อนๆ ที่ไอส์แลนด์เลคแคมป์ ในเมืองสตาร์รัคคา รัฐเพนซิลเวเนีย

 

ตามประสาคนหนุ่มที่ไปพักผ่อนที่ทะเลสาบ ใครก็อยากจะลงไปเล่นน้ำกับเพื่อนสนิททั้งนั้น อาร์เบอห์ก็เช่นกัน เขาตั้งใจที่จะลงไปเล่นน้ำเพื่อไปแกล้งสาวๆ ที่ลอยคออยู่ในทะเลสาบอยู่แล้วในตอนนั้น

 

ว่าแล้วเขากับเพื่อนอีก 2 คนก็รีบวิ่งกระโจนลงน้ำทันที โดยที่เพื่อนทั้ง 2 นั้นโผล่ขึ้นมาก่อนแกล้งจับสาวๆ โยนลงน้ำอีกทีได้อย่างสนุกสนาน

 

แต่ไม่ใช่สำหรับอาร์เบอห์

 

ในจังหวะที่กระโดดลงน้ำไปนั้น อาร์เบอห์ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงเข้าที่ด้านซ้ายของศีรษะจากอะไรสักอย่างที่เขาก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร ทำให้เขาจมลงไปในน้ำ เจ้าตัวซึ่งยังพอมีสติพยายามที่จะตะเกียกตะกายขึ้นมาแต่ร่างกายของเขาไม่ตอบสนองอีกแล้ว

 

อาร์เบอห์รู้ทันทีในตอนนั้นว่าร่างกายของเขากลายเป็นอัมพาตแล้ว และไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้อีกต่อไป

 

ในวินาทีของความเป็นความตาย อาร์เบอห์พยายามกลั้นหายใจเอาไว้ แต่ละวินาทีที่ผ่านไปนานเหมือนตลอดกาล จาก 10 วินาที เป็น 15 วินาที เป็น 20 วินาที โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นและเข้ามาช่วยเหลือ

 

ตอนนั้นเขาทำใจแล้วว่าเวลาของเขาบนโลกใบนี้คงจะหมดลงเท่านี้ ก่อนที่จะหมดสติไป

 

แต่เพื่อน 2 คนของเขาสังเกตเห็นว่าอาร์เบอห์หายไปจึงได้ดำน้ำลงไปช่วยเขาเอาไว้ก่อนจะลงไปถึงก้นทะเลสาบ แล้วรีบพาตัวขึ้นมาบนชายหาดซึ่งเจ้าตัวได้สติกลับมาครู่หนึ่งก่อนที่จะหมดสติไปอีกครั้ง ครั้งต่อมาที่เขารู้ตัวคือเขาอยู่ในรถพยาบาลและได้ยินว่าเขาเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงไป ซึ่งจากนี้จะถูกนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปส่งที่โรงพยาบาล

 

เมื่อได้สติอีกครั้งที่โรงพยาบาล อาร์เบอห์ซึ่งต้องเข้ารับการผ่าตัดเพราะกระดูกสันหลังเคลื่อนออกจากที่ ได้ขอโอกาสในการพูดคุยกับแม่ของเขา

 

เขาคิดว่ามันจะเป็นการดีสำหรับหมอมากกว่าที่จะแจ้งกับแม่ได้อย่างชัดเจนว่าเขาตายไปแล้วหรือยังรอดอยู่ ดีกว่าที่จะปล่อยให้แม่ต้องกังวลในระหว่างการผ่าตัด

 

สุดท้ายแล้วการผ่าตัดประสบความสำเร็จด้วยดี อาร์เบอห์ยังมีชีวิตอยู่

 

แต่ชีวิตใหม่ของเขาไม่ต่างอะไรจากการตายทั้งเป็น

 

ความหวังที่มาแบบไม่คาดหวัง

เวลาผ่านมา 8 ปีนับจากเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิตของอาร์เบอห์ จากชายหนุ่มผู้แข็งแรงในวัย 22 ปี สู่ชายพิการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในวัย 30 ปี ที่ต้องการการดูแลตลอดเวลาจากครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นแม่ พ่อเลี้ยง และน้องชายต่างพ่อ

 

ความจริงจะบอกว่าอาร์เบอห์ไม่พยายามทำอะไรเลยก็ไม่ใช่ เพราะเขาก็พยายามในแบบของเขาเหมือนกัน

 

อาร์เบอห์พยายามหย่อนใบสมัครงานไปตามที่ต่างๆ แต่ปัญหาคือเขายังไม่สามารถใช้งาน iPad ในการพิมพ์งานได้ไวตามเกณฑ์ขั้นต่ำ เพราะสิ่งที่เขาทำได้คือการใช้ปากคาบ Apple Pencil แล้วค่อยๆ จิ้มทีละตัวอักษร โดยที่เขาพยายามคิดค้นหาวิธีต่างๆ ที่จะทำให้เขาทำได้ไวขึ้นแล้ว แต่มันก็ยังไวไม่พออยู่ดี

 

นอกจากการสมัครงาน อาร์เบอห์พยายามเรียนให้จบมหาวิทยาลัย แต่ปัญหาทางการเงินทำให้เขาไม่สามารถชำระหนี้กู้ยืมกองทุนเพื่อการศึกษาได้ และทำให้เขายังไม่ได้รับทรานสคริปต์จากมหาวิทยาลัย

 

อนาคตคือสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงสำหรับอาร์เบอห์ และเขาทำได้เพียงแค่ทำใจในการจะอยู่อาศัยกับครอบครัวไปจนกว่าที่คนที่บ้านจะดูแลได้ไหว ถ้าถึงวันที่ครอบครัวดูแลไม่ได้เขาก็เตรียมใจที่จะถูกส่งตัวไปสถานดูแลที่ไหนสักแห่งและใช้ชีวิตที่เหลือที่นั่น

 

แต่ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว สายลมของความหวังก็พัดมา

 

รูมเมตที่เคยใช้จ่ายวันเวลาด้วยกันอย่าง เกร็ก เบน โทรมาหาอาร์เบอห์พร้อมกับข่าวบางอย่าง

 

“โนแลนด์ ฉันเห็นข่าวว่า Neuralink กำลังหาคนที่จะได้รับการฝังอุปกรณ์ของพวกเขาไว้ที่สมอง”

 

อาร์เบอห์ไม่เคยได้ยินเรื่องราวของ Neuralink มาก่อน เบนจึงได้พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจอย่างง่ายๆ ว่า Neuralink จะฝังอุปกรณ์ไว้ที่สมองเลยเพื่อจะให้คนที่เป็นอัมพาตสามารถติดต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ผ่าน ‘ความคิด’

 

“มันฟังดูเข้าท่าดีนะ” อาร์เบอห์บอกกับเบน

 

 

The Chosen One ผู้ถูกเลือกคนแรก

แต่การจะได้รับเลือกจาก Neuralink ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างแรกเลยคือการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับอาการทางร่างกาย เรื่องของการเคลื่อนไหวของร่างกายว่าทำได้แค่ไหน ไปจนถึงการใช้ชีวิตว่ามีการดื่มแอลกอฮอล์หรือติดยาเสพติดหรือไม่ และทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตของผู้ที่ยื่นใบสมัคร

 

เบนจัดแจงช่วยเพื่อนในการตอบแบบสอบถามเหล่านี้ผ่านระบบออนไลน์ โดยที่ตัวของเขาเองอัมพาตตั้งแต่คอลงมา เลิกดื่มและเลิกสูบบุหรี่มา 2 ปีกว่า โดยที่ทุกวันใช้ชีวิตให้ผ่านไปด้วยการเรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาต่างๆ ผ่าน Audio Book

 

“ผมตัดสินใจว่าผมอยากจะทำอะไรสักอย่างให้เกิดขึ้นในชีวิตของผม และมันทำให้ผมรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้น”

 

หลังส่งแบบสอบถามได้เพียงวันเดียว อาร์เบอห์ได้รับการติดต่อจาก Neuralink เพื่อสัมภาษณ์เพิ่มเติม

 

จากนั้นเขาได้รับเชิญให้มาสัมภาษณ์ตัวต่อตัวที่สถาบันประสาทวิทยาบาร์โรว์ รัฐฟีนิกซ์ ซึ่งนอกเหนือจากการสัมภาษณ์แล้วจะมีการตรวจสอบสภาพร่างกายโดยเฉพาะความหนาของกะโหลกศีรษะและพื้นที่ว่างระหว่างสมองและกะโหลก

 

เมื่อกระบวนการทุกอย่างสิ้นสุดลง อาร์เบอห์กลับไปรอคำตอบที่บ้าน แต่เขาเหมือนได้รับการบอกใบ้จากหลายๆ คนว่าเขาเป็นตัวเต็งที่จะผ่านการคัดเลือก

 

และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา Neuralink ติดต่อกลับมาหาอาร์เบอห์อีกครั้ง

 

“คุณได้รับเลือกให้เป็นคนแรกที่จะได้รับการฝังอุปกรณ์ที่สมองจากเรา”

 

 

ชีวิตใหม่ดังใจคิด

คนที่จะติดตั้งอุปกรณ์ของ Neuralink ซึ่งเป็นชิปประมวลผลมีขนาดเท่าเหรียญ จะต้องเข้ารับการผ่าตัดที่จะตัดบางส่วนของกะโหลกศีรษะออกแล้วฝังชิปเอาไว้ติดกับสมอง

 

ความน่าลำบากใจของเรื่องนี้คือการที่ไม่เคยมีการผ่าตัดติดตั้งอุปกรณ์ฝังไว้ที่สมองมนุษย์มาก่อนแม้แต่คนเดียว ดังนั้นไม่มีใครรู้ว่าการผ่าตัดจะสำเร็จหรือไม่ มีความเสี่ยงที่ไม่อาจประเมินผลได้อยู่ ที่ผ่านมา Neuralink เคยทำเพียงแค่การทดสอบกับสัตว์เท่านั้น

 

ก่อนเข้าห้องผ่าตัดอาร์เบอห์ได้มีโอกาสพูดคุยกับ อีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นฮีโร่ของเขาผ่านระบบวิดีโอคอล แม้ว่าความจริงแล้วซีอีโอแห่ง Neuralink, Tesla และ SpaceX ตั้งใจจะเดินทางมาให้กำลังใจด้วยตัวเองก็ตาม แต่เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมีปัญหาทำให้เดินทางมาไม่ทัน มัสก์ตามมาในช่วงที่การผ่าตัดเริ่มไปแล้ว

 

แต่คนที่เป็นห่วงเป็นใยมากกว่าคือแม่ พ่อเลี้ยง และน้องต่างพ่อของเขาที่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังการผ่าตัด เขาเหล่านี้คือคนที่จะต้องดูแลอาร์เบอห์ต่อไป หรือทำใจกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

 

ขณะที่เพื่อนๆ หลายคนพยายามทักท้วงด้วยไม่อยากเห็นอาร์เบอห์กลายเป็น ‘หนูทดลอง’ ของมัสก์ บางคนเตือนเรื่องการทดสอบกับสัตว์ที่มีผลกระทบตามมาที่เลวร้าย แต่เจ้าตัวโต้แย้งแทนในทุกประเด็น ด้วยความเชื่อใจในตัวมัสก์

 

ที่สำคัญคือเขาขอใช้ ‘ศรัทธา’ เพื่อนำทางชีวิต

 

คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง การผ่าตัดเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ของอาร์เบอห์ประสบความสำเร็จด้วยดี แม้ว่าเขาจะเกือบทำให้แม่หัวใจสลายเมื่อลืมตามาแล้วบอกว่า ‘คุณคือใคร’ ที่เป็นความตั้งใจในการจะหยอกให้ผ่อนคลายก็ตาม

 

อาร์เบอห์จึงกลายเป็นมนุษย์คนแรกของโลกที่ติดตั้งชิปฝังไว้ที่สมองของตัวเอง ทำให้บางคนเรียกเขาว่าเป็น ‘ไซบอร์ก’ หรือมนุษย์ดัดแปลง ถึงมันจะแตกต่างจากภาพของไซบอร์กในภาพยนตร์ไซไฟก็ตาม

 

เพราะอาร์เบอห์ยังขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้เหมือนเดิม เขายังต้องใช้ชีวิตบนรถเข็นเหมือนเดิม ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เหมือนเดิม

 

แต่อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เพิ่มเติมคือการที่เขาใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวกมากขึ้น

 

ในขณะที่คนธรรมดาต้องขยับเมาส์เพื่อเลื่อนไปมา อาร์เบอห์แค่ ‘คิด’ ว่าเขาอยากจะขยับเมาส์ไปตรงไหน

 

 

 

คลื่นสมองจะถูกส่งมาถึงชิปของ Neuralink (ที่เรียกกันเล่นๆ ว่า Telepathy หรือการสื่อทางจิต) ก่อนจะถูกประมวลผลและเปลี่ยนเป็นสัญญาณส่งไปถึงคอมพิวเตอร์

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้อาร์เบอห์สามารถเล่นเกม เรียนหนังสือ ช้อปปิ้ง หรือแม้แต่สื่อสารกับคนอื่นบนโลกออนไลน์ได้

 

เหมือนได้ชีวิตที่หายไปกลับมา แม้มันจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม

 

หัวใจที่แตกสลายอีกครั้ง

ในช่วงแรกของการทดสอบหลังจากที่อาร์เบอห์ได้รับอนุญาตให้กลับมาพักที่บ้านได้อีกครั้ง ทีมของ Neuralink ยังตามมาดูแลเขาด้วย โดยอาศัยห้องรับแขกและห้องครัวเป็นที่ตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ที่ติดตั้ง

 

ตามคู่มือการใช้งานแล้ว ผู้ที่ได้รับการฝัง Neuralink ไว้ควรจะพักผ่อนหลังใช้งานไป 2-4 ชั่วโมง เนื่องจากการใช้อุปกรณ์นี้จะทำให้เกิดความตึงเครียดแก่ร่างกายและจิตใจ

 

แต่สำหรับอาร์เบอห์แล้วเขาไม่ยอมปล่อยสมองจาก Neuralink ง่ายๆ ในแต่ละวันเขาจะใช้เวลานานเกินกว่าคำแนะนำไปมาก บางวันเล่นคอมพิวเตอร์ถึง 10 ชั่วโมง ซึ่งความจริงเขาก็ทุบสถิติทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็วในการตอบสนองต่อการใช้งาน ไปจนถึงระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ โดยที่ใช้เวลาไม่นานในการเรียนรู้กระบวนการทำงานของ Neuralink เพื่อปรับให้เข้ากับรูปแบบบความคิดของสมองของเขาว่าจะเปลี่ยนความคิดให้กลายเป็นคำสั่งในการทำงานได้อย่างไร

 

เขาเล่นเกมดังอย่าง Civilization สลับกับการท่องโลกผ่านเว็บไซต์และฟังหนังสือ Audio Book โดยที่บางทีก็ใช้งานในระหว่างที่นอนบนเตียงซึ่งสบายกว่าในวันที่เขาต้องนั่งบนรถเข็นและพยายามใช้ปากคาบ Apple Pencil เพื่อใช้งาน iPad ในช่วงก่อนหน้านี้มาก

 

ยิ่งใช้งานไปนานๆ ก็ยิ่งชำนาญมากขึ้น ถึงขั้นที่สามารถพูดคุยกับคนอื่นไปด้วยในขณะที่สมองของเขาเล่นเกมหมากรุกบนคอมพิวเตอร์ไปด้วย

 

แต่เวลาของความสุขมันแสนสั้น

 

แค่เดือนเดียวอาร์เบอห์ก็สัมผัสได้ว่าความแม่นยำในการตอบสนองลดลง มีความหน่วงเกิดขึ้นระหว่างเวลาที่เขาคิดเพื่อสั่งการคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นผลมาจากเรื่องของคลื่นไฟฟ้าในสมองของเขาที่มีมากกว่าที่ Neuralink เคยทดสอบมาในสัตว์ นอกจากนี้กะโหลกศีรษะของเขาก็หนากว่ามาตรฐานของคนทั่วไป

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นหมายถึงช่วงเวลาที่ดีของอาร์เบอห์กำลังจะจบลง

 

Neuralink เก็บรวบรวมข้อมูลสำคัญจากเขามาได้มากพอสมควร ที่จะนำไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาชิปอุปกรณ์ให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น

 

แต่การพัฒนานั้นจะไม่ได้มีเพื่ออาร์เบอห์อีกแล้ว

 

มันจะมีเพื่อผู้ที่จะเข้ารับการทดลองเป็นคนต่อไป

 

ความฝันที่เหลืออยู่

ชิปของ Neuralink สำหรับอาร์เบอห์คือ ‘อีฟ’ เพราะเขารู้สึกว่าเหมือนกับอีฟที่ถูกพระเจ้าส่งลงมาบนโลกเพื่อช่วยเหลืออดัม

 

ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพในการทำงานของมันจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อาร์เบอห์ตกลงที่จะเก็บอุปกรณ์นี้ไว้ในศีรษะของเขาเพื่อส่งมอบข้อมูลต่อให้กับ Neuralink ต่อไปเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยที่ทีมวิศวกรของ Neuralink พยายามที่จะหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นผ่านวิธีการต่างๆ ทั้งเรื่องของการปรับอัลกอริทึมในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากสมองของเขา และการเปลี่ยนวิธีการวิเคราะห์สัญญาณข้อมูลเพื่อส่งต่อไปที่คอมพิวเตอร์

 

หลังจากนั้นเขาและบริษัทจะหารือกันอีกครั้งว่าจะมีการสั่งปิดการทำงานหรือผ่าตัดเพื่อถอดออกจากสมองของเขาอีกที

 

จริงอยู่ที่เขากับ Neuralink มีช่วงเวลาที่ดีกันแค่สั้นๆ แต่สำหรับอาร์เบอห์แล้วมันเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับชีวิต และมากกว่านั้นคือการที่เขารู้ว่าข้อมูลที่ได้จากการทดลองในสมองของเขาจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้คนอีกมากมายในอนาคตข้างหน้า

 

 

 

คนที่เจ็บปวดทั้งกายและใจจากการเป็นอัมพาตหรือเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

 

“ผมมั่นใจว่าคนที่จะได้ทดลองคนต่อไปจะรู้สึกแบบเดียวกับที่ผมรู้สึกแน่นอน เมื่อได้ลองแล้วสักครั้งก็จะหยุดไม่ได้ มันทำให้ผมมีความสุขมากเหลือเกิน”

 

โดยระหว่างนี้เขายังไม่แน่ใจว่าเขาจะใช้ชื่อเสียงที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้เพื่อทำประโยชน์อะไรได้หรือไม่ โดยเฉพาะการหารายได้ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ของเขาที่ผ่านมา

 

ถ้าหากหาเงินได้บ้าง อย่างน้อยเขาก็จะเป็นภาระของครอบครัวน้อยลง โดยเฉพาะน้องต่างพ่อของเขาที่เสียสละชีวิตตัวเองมานานกว่า 8 ปีเพื่อช่วยดูแลคนที่ทำอะไรไม่ได้อย่างเขา

 

“เขาควรจะมีชีวิตของเขาเหมือนกัน”

 

ความฝันหนึ่งของอาร์เบอห์จึงเป็นการช่วยเหลือครอบครัว โดยเฉพาะหากหารายได้มากพอเขาหวังจะสร้างบ้านเพื่อแทนคำขอบคุณแม่และครอบครัวทุกคนสำหรับความเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง

 

อีกหนึ่งความฝันคือการที่จะได้โอกาสในการทดสอบอุปกรณ์ Neuralink รุ่นใหม่ ที่เขาพร้อมจะเป็นผู้ร่วมทดสอบ

 

“ผมอยากได้ตัวอัปเกรด” อาร์เบอห์บอก “หวังว่าเขาจะใส่ชื่อผมไว้ในลิสต์นะ”

 

ภาพ: https://www.youtube.com/watch?v=25DgJNGwC0g

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X