ในช่วงที่ผ่านมา วงการอสังหาริมทรัพย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ กำลังเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อโครงการมิกซ์ยูสระดับโลกกว่า 10 โครงการ ทยอยเปิดตัวพร้อมนำเสนอประสบการณ์การใช้ชีวิตและการทำงานรูปแบบใหม่
บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (JLL) ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาและบริการอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ได้วิเคราะห์ว่าโครงการเหล่านี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยเพิ่มพื้นที่สำนักงานเกรด A ในเขตศูนย์กลางธุรกิจ (CBA) ของกรุงเทพฯ มากกว่า 900,000 ตารางเมตร พร้อมพื้นที่ค้าปลีกอีกกว่า 300,000 ตารางเมตร ภายในปี 2571
ไม่เพียงแต่จะยกระดับคุณภาพของอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์รอบโครงการเหล่านี้ยังจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต สร้างความน่าสนใจให้กับทำเลโดยรอบ จนมีนักลงทุน บริษัทข้ามชาติ และบุคลากรทักษะสูงจากทั่วโลก ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนและทำงานเพิ่มขึ้น นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าเมืองหลวงของไทยไปอย่างสิ้นเชิง
หนึ่งในโครงการที่น่าจับตามองคือ ‘คิงบริดจ์ ทาวเวอร์’ อาคารสำนักงานเกรด A แห่งใหม่บนถนนพระราม 3 ที่พัฒนาโดยบริษัท คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ จำกัด ในเครือสหพัฒน์ ซึ่งใช้งบการลงทุนกว่า 6 พันล้านบาท เพื่อสร้างอาคารสูง 52 ชั้นบนพื้นที่ 6 ไร่ และยังถือเป็นอาคารสูงแห่งแรกของเครือสหพัฒน์หลังผ่านการดำเนินงานมากว่า 80 ปี
นอกจากอาคารให้เช่าที่มีพื้นที่รวมทั้งสำนักงานและร้านค้ากว่า 40,000 ตารางเมตรแล้ว ภายในยังมีศูนย์อาหารคอนเซปต์ใหม่ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 3 ไว้คอยอำนวยความสะดวกพนักงาน ลูกค้า ตั้งแต่มื้อเช้า กลางวัน ไปจนถึงมื้อเย็นด้วย
“โครงการใช้ระยะเวลาการก่อสร้างกว่า 3 ปี ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% มีอัตราผู้เช่าแล้วกว่า 50% ซึ่งถือว่าเร็วกว่าแผนงานเดิมที่วางไว้ และพร้อมเปิดอย่างเป็นทางการในไตรมาส 4 ปีนี้” วิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ จำกัด กล่าว
คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ ยังได้ระบุถึงความสำคัญกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environmental, Social and Governance) ซึ่ง JLL ระบุว่ากำลังกลายเป็นเทรนด์หลักของตลาดอสังหา และเป็นสิ่งที่บริษัทข้ามชาติต่างให้ความสนใจ โดยมีการกำหนดเงื่อนไขในการเลือกเช่าเฉพาะอาคารที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ESG เท่านั้น
คิงบริดจ์ระบุว่า ได้ออกแบบอาคารโดยเน้นประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้า รวมถึงระบบบำบัดน้ำเสียที่ทันสมัย เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ด้วยทำเลที่ตั้งติดกับเส้นทาง BRT และใช้เวลาเพียง 15 นาทีในการเดินทางจากรถไฟฟ้า MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผ่านบริการ EV Shuttle Bus ที่อาคารจัดไว้ให้ ส่งผลให้ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับบริษัทที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางและเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ที่พนักงานสามารถเดินทางมาทำงานได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพารถยนต์ส่วนตัว
อย่างไรก็ดี จากการวิเคราะห์ของ JLL พบว่า การเช่าพื้นที่สำนักงานใหม่กว่า 90% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นในอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสามารถเรียกค่าเช่าเฉลี่ยได้สูงกว่าอาคารระดับเดียวกันถึง 14% คิดเป็น 740 บาทต่อตารางเมตร จึงก่อให้เกิดแรงกดดันมากยิ่งขึ้นต่ออาคารเก่าที่ยังไม่ได้รับรองตามมาตรฐาน ESG ทั้งนี้อาคารเกรด A จะใช้เงินลงทุนด้าน ESG 15-20% ด้วยกัน
