หลังจากเริ่มต้นปี 2567 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยก็ฟื้นตัวขึ้นได้เป็นอย่างดี โดยข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า ช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 1 เมษายน 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศแล้วกว่า 9.4 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 พร้อมทั้งช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมเทศกาล ‘Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567’ มีมากถึง 784,883 คน ซึ่งสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ราว 2,886.82 ล้านบาท
ล่าสุด Scott M. O’Neil ซีอีโอของ เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ส (Merlin Entertainments) บริษัทด้านความบันเทิงที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ผู้เป็นเจ้าของ SEA LIFE และ Madame Tussauds เดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อหารือโอกาสในการขยายธุรกิจให้สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก พร้อมทั้งผลักดันให้ไทยกลายเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ใครก็ต้องมาเยือนให้ได้
เชื่อว่าใครที่เดินทางไปแถวสยามอยู่เป็นประจำคงจะมีโอกาสได้เข้าชม SEA LIFE Bangkok Ocean World โลกใต้ทะเลใจกลางกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำมากมาย หรือจะเป็นในส่วนของ Madame Tussauds พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งที่ผู้มาเยือนสามารถเก็บภาพกระทบไหล่บุคคลระดับโลกได้อย่างหลากหลาย แต่ทั้งสองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของธุรกิจความบันเทิงที่บริษัทเปิดให้บริการเท่านั้น
สำหรับภาพรวมธุรกิจ เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ส ดำเนินการมาแล้วถึง 30 ปี ด้วยสถานที่บริการกว่า 147 แห่งใน 24 ประเทศทั่วโลก โดยสถานที่ไฮไลต์ ได้แก่ ชิงช้าสวรรค์ลอนดอนอาย (London Eye) และหอคอยซิดนีย์ (Sydney Tower Eye) ซึ่งเป็นสองจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงระดับโลก หรือ LEGOLAND Resort แหล่งพักผ่อนที่มาพร้อมสวนสนุกในธีม LEGO เพื่อให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน และล่าสุดปี 2566 ธุรกิจของบริษัทฟื้นตัวขึ้นจนสามารถทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,100 ล้านปอนด์ (96,300 ล้านบาท) เนื่องจากผู้คนโหยหา ‘ประสบการณ์’ หลังจากที่อัดอั้นเพราะโควิดมานาน และสิ่งนี้ก็เป็นประโยชน์กับธุรกิจของ เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ส แต่ในขณะเดียวกันผู้บริโภคเองก็มองหาความคุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้นด้วย
มากันถึงตรงนี้ หลายคนคงอยากรู้ว่า เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ส มีกลยุทธ์ที่จะขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างไรเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะเป็นรีสอร์ตที่มีรูปแบบของสวนสนุก หรือจุดชมวิวตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของไทยหรือไม่?
แม้ว่า ณ ปัจจุบัน การมาเยือนของ Scott ครั้งนี้ จะเป็นการหารือโอกาสกับพาร์ตเนอร์ เพื่อหาจุดที่เหมาะสมที่สุดในการลงทุนก่อนที่จะลงมือสร้างจุดท่องเที่ยวจริงๆ แต่เขามองว่าประเทศไทยมีศักยภาพมากในด้านการท่องเที่ยว โดย Scott หยิบยกหนึ่งในอินไซต์ของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวตามหัวเมืองใหญ่ว่า สิ่งหนึ่งที่คนกลุ่มนี้มักจะทำคือการหาจุดชมวิว พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่า “เราพร้อมลงทุนสร้างสถานที่แบบนี้” เมื่อการประเมินทางธุรกิจลงตัว
“แน่นอนว่าสิ่งที่เราต้องการสร้างในไทยคือ ‘Must-Do Attraction’ หรือจุดท่องเที่ยวที่ไม่ว่าใครมากรุงเทพฯ ก็จะต้องมาเยือนที่แห่งนี้ให้ได้ ซึ่งถ้ามองภาพกว้างในบริบทของประเทศไทย ผมเชื่อว่าพวกคุณมีหนึ่งในเมืองที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยว มีวัดที่สวยงามหลายวัด มีโครงสร้างพื้นฐานอย่างโรงแรมที่เพียบพร้อม และสำคัญที่สุดคือใจรักการบริการที่เป็นปัจจัยหลักในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยว” Scott กล่าว
ถึงการตัดสินใจขยายธุรกิจของ เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ส จะยังไม่ประกาศอย่างชัดเจน แต่การลงมาประเทศไทยด้วยตัวเองของซีอีโอจากบริษัทด้านความบันเทิงเบอร์ 2 ของโลก ถือเป็นสัญญาณที่เผยให้เห็นถึงความจริงจังและโอกาสที่เขามองเห็นในภาคการท่องเที่ยวไทย การที่ Scott เน้นย้ำถึงการสร้าง ‘Must-Do Attraction’ อาจกำลังบอกว่าแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่จะเข้ามาค้ำจุนตำแหน่งประเทศผู้นำการท่องเที่ยวของไทย น่าจะกำลังอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
