ปกติแล้วโรดรีไม่ได้เล่นแบบนี้
ในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนัดสุดระทึกระหว่างเรอัล มาดริดกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายในระหว่าง 90 นาที หนึ่งในนั้นคือจังหวะในช่วงต้นครึ่งหลัง เมื่อฟิล โฟเดน จ่ายบอลกลับมาให้โรดรี
แต่นอกจากที่กองกลางจอมแกร่งชาวสเปนจะจับบอลไม่อยู่แล้ว เมื่อเสียการครองบอลไปให้กับทีมแชมป์สเปน โรดรีเหลือบไปมองโฟเดนด้วยสายตาที่บอกแทนคำพูดว่า “นี่ฉันจะต้องวิ่งไปไล่บอลให้อีกแล้วเหรอ”
เกมจบลงด้วยการเสมอกัน 3-3 สถิติไร้พ่ายของแมนฯ ซิตี้ที่มีโรดรีอยู่ในทีมยังลากยาวต่อไปเป็นเกมที่ 66
แต่ร่างกายและจิตใจของมิดฟิลด์วัย 27 ปี ดูเหมือนจะไปต่อไม่ไหวแล้ว
โรดรีกำลังมีปัญหาภาวะ ‘Burnout’ และมันเป็นสัญญาณเตือนถึงโลกฟุตบอลว่าพ่อค้าแข้งเหล่านี้เริ่มจะไม่ไหวกับจำนวนเกมแข่งขันที่มากมายเหลือเกิน
หลังจบเกมที่ซานติอาโกเบร์นาเบว – ซึ่งมีการปิดหลังคาสนามเป็นครั้งแรก โดยมีเป้าหมายเพื่อหวังให้เสียงเชียร์ของแฟนบอลโลส เมเรงเกส กระหึ่มและข่มขวัญแชมป์เก่า – โรดรีบอกกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่ใครมากมาย
“ผมต้องการพัก เดี๋ยวรอดูว่าเราจะมีการพูดคุยอย่างไร เราอยู่ในสถานการณ์แบบไหน บางครั้งสิ่งต่างๆ มันก็เป็นไปในแบบนี้ ผมต้องมีการปรับตัว และการพักก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่เราคุยกัน”
จอมแกร่งอย่างโรดรีเนี่ยนะที่อยากจะพัก โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของฤดูกาล ซึ่งแมนฯ ซิตี้ยังอยู่ในเส้นทางได้ลุ้น ‘เทรเบิลแชมป์’ เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันอยู่ด้วย ทั้งพรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ติดตามแมนฯ ซิตี้ จะพอสังเกตอาการได้ว่าโรดรีในช่วงที่ผ่านมาฟอร์มการเล่นตกไปจากมาตรฐานที่เคยสร้างเอาไว้สูงลิบอยู่บ้าง
เรื่องนี้ในทางตัวเลขสถิติแล้วอาจจะไม่แตกต่าง เพราะใน 2 เกมล่าสุดกับเรอัล มาดริด และคริสตัล พาเลซ เปอร์เซ็นต์การผ่านบอลสำเร็จของเขายังอยู่ที่ 92.2 เขาจ่ายบอลพลาดเพียงแค่ 7 ครั้งในเกมกับพาเลซ และ 9 ครั้งในเกมที่มาดริด รวมถึงการลำเลียงบอลขึ้นหน้าถึง 28 ครั้ง สูงกว่าค่าเฉลี่ยในฤดูกาลนี้ที่ 15.1 และเข้าสกัดมากกว่าปกติถึง 2 เท่า
แต่ความอ่อนล้าของโรดรีจะมองด้วยตัวเลขไม่ได้ ต้องมองด้วยตาและหัวใจ ซึ่งจะสัมผัสได้ว่าเขาไม่เป็นตัวของตัวเองสักเท่าไรนัก ผ่านการเล่นในบางจังหวะที่ดูไม่แน่นและเนี้ยบแบบปกติ เช่น การเสียบอลง่ายๆ หรือจับบอลไม่อยู่
โดยที่เรื่องแบบนี้ไม่ได้เพิ่งมี แต่เป็นมาสักพักใหญ่ ก่อนที่เขาจะยอมรับกับทุกคนว่าตอนนี้มาถึงขีดจำกัดของร่างกายและจิตใจแล้ว
“ทุกคนทำได้ดีกว่านี้ ซึ่งรวมถึงผมด้วย แต่พูดจากใจ เราจำเป็นต้องได้พักบ้าง”
ทำไมโรดรีถึงต้องการพัก?
เรื่องนี้มาจากการที่เขาลงสนามอย่างต่อเนื่องยาวนานในฐานะแกนหลักของแมนฯ ซิตี้ ที่แม้แต่เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็แทบไม่กล้าที่จะพักหรือเปลี่ยนตัวของเขาสักเท่าไร
ตลอดฤดูกาล 2023/24 โรดรีพลาดการลงสนามให้กับแมนฯ ซิตี้ เพียงแค่ 4 นัดเท่านั้นจากการติดโทษแบนในเกมกับวูล์ฟส, อาร์เซนอล และแอสตัน วิลลาในเกมพรีเมียร์ลีก กับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ดในเกมลีกคัพ
แมนฯ ซิตี้ที่ไม่มีโรดรี ผลคือแพ้ทุกนัด
กองกลางทีมชาติสเปนคือ ‘เสาหลัก’ ของทีมที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหักโค่น หากมีโรดรีอยู่ในสนามด้วยแล้ว แมนฯ ซิตี้แทบจะลืมคำว่าแพ้ไปได้เลย เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นกองกลางตัวทำลายเกมคู่ต่อสู้ คุมจังหวะการเล่นได้ประหนึ่งเมโทรโนมแล้ว เขายังมีความสามารถในการช่วยสร้างเกมรุกให้กับทีมได้ด้วย
หนึ่งในตัวอย่างสำคัญคือเกมนัดชิงแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลที่แล้วกับอินเตอร์ มิลาน ซึ่งแมนฯ ซิตี้มีปัญหาเจาะเกมรับคู่ชิงจากอิตาลีไม่เข้า แต่สุดท้ายก็เป็นโรดรีที่สอดขึ้นมาหาจังหวะยิงจากหน้ากรอบเขตโทษผ่านมือของอังเดร โอนานา เข้าไปเป็นประตูโทนและประตูชัยที่ทำให้แมนฯ ซิตี้สร้างประวัติศาสตร์คว้า 3 แชมป์ใหญ่ในฤดูกาลเดียวได้เป็นทีมที่ 2 ต่อจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เคยทำได้ในปี 1999
แต่ในเกมเดียวกันนั้นเองที่ดูเหมือนโรดรีจะส่งสัญญาณบอกกับทุกคน เพราะเขาเล่นแทบไม่ออกในช่วงครึ่งแรก เพียงแต่มาฮึดและเร่งฟอร์มเอาในช่วงครึ่งเวลาหลัง
และในช่วงการเดินทางมาทัวร์เอเชียเมื่อปีที่แล้ว โรดรีเปิดใจถึงเรื่องจำนวนเกมที่ต้องลงสนาม “เราเล่นจำนวนเกมที่มากขนาดนี้ได้สักฤดูกาล แต่ถ้ามันเริ่มเป็น 2 หรือ 3 ฤดูกาลติดต่อกัน สำหรับทีมแล้วมันจะแย่ลง เพราะสภาพร่างกายจะดรอป ดังนั้นผมต้องระวังตัว
“จะปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ไม่ได้ เราก็เริ่มมีการพูดถึงเรื่องนี้แล้ว”
แต่ถึงจะบอกแบบนี้โรดรีก็ยังเป็นคนที่แมนฯ ซิตี้ขาดไม่ได้อยู่ดี โดยในฤดูกาลนี้เขาลงเล่นให้กับสโมสรไปแล้วกว่า 3,947 นาที มีเพียงโฟเดนคนเดียวที่เล่นมากกว่าแค่ 61 นาที แต่อย่าลืมว่าโรดรีพลาดการลงสนามจากโทษแบนถึง 4 นัด
ส่วนในฤดูกาลที่แล้วที่เป็นเสาหลักซึ่งแบกทีมไว้อาจจะมากกว่าเควิน เดอ บรอยน์ หรือเออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ ในการช่วยพาทีมคว้า 3 แชมป์ได้ โรดรีลงสนามไปถึง 4,478 นาที
รวมกัน 2 ฤดูกาลเขาลงเล่นให้แมนฯ ซิตี้มากกว่า 8,000 นาที หรือเกินกว่า 67 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว
ร่างจะพังก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
แต่ใจที่กำลังพังด้วย ตรงนี้น่าเป็นห่วง
การออกมาส่งสัญญาณของโรดรีครั้งนี้ไม่ได้มีความหมายถึงแค่ตัวเขาหรือแมนฯ ซิตี้ แต่เป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงองค์กรแม่อย่าง FIFA และ UEFA ที่ควรจะใส่ใจสวัสดิภาพของนักฟุตบอลอย่างจริงจังมากขึ้น
อย่าลืมว่านักเตะไม่ได้มีแค่โปรแกรมสโมสร แต่ยังโปรแกรมทีมชาติด้วย และยังมีการเตรียมจัดการแข่งขันรายการใหม่ๆ อย่างรายการชิงแชมป์สโมสรโลก (ที่จะเริ่มในปีหน้า) หรือรายการเนชันส์ลีกที่แข่งมาสักพัก
ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันใหม่ในรายการเดิมที่เพิ่มจำนวนเกมที่ต้องเล่นเยอะขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก หรือยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ตลอดมามีการคัดค้านและแสดงความกังวลถึงเรื่องสวัสดิภาพของนักฟุตบอลยุคปัจจุบัน ที่แม้จะได้รับค่าตอบแทนมากมายมหาศาล แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยการใช้แรงงานอย่างหนักหน่วง ไม่เฉพาะทางกาย แต่ยังรวมถึงเรื่องทางใจที่ต้องแบกรับความกดดันและความคาดหวังมหาศาล
ที่ผ่านมานักฟุตบอลระดับสตาร์ไม่ได้มีการออกโรงพูดถึงสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญอย่างตรงไปตรงมานัก เพราะถูกมองว่าทำงานได้เงินดีแล้วจะมีปากเสียงอะไร?
โรดรีเองก็ไม่ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ในทางตรง แต่การที่โคตรแกร่งอย่างเขายอมรับว่า “เหนื่อย”
มันฟังดูแล้วกระทบใจมากพอสมควร และอาจจะมีนักเตะคนอื่นที่ออกมาเปิดเผยถึงปัญหาคล้ายๆ กันในอนาคต
ในเกมพรีเมียร์ลีกวันเสาร์นี้ที่แมนฯ ซิตี้จะพบกับลูตัน โรดรีน่าจะไม่มีชื่อในทีม โดยจะเป็นหน้าที่ของกวาร์ดิโอลาในการหาใครสักคนมาแทนที่ แม้ว่าปัญหาคือไม่มีใครสักคนที่ดีพอจะแทนที่ได้เลย (คนที่ถูกคาดหมายว่าจะเป็นตัวทดแทนอย่างคาลวิน ฟิลลิปส์ก็น่าผิดหวังและถูกปล่อยไปเวสต์แฮมแล้ว)
แต่ภาวะ Burnout แบบนี้ย่อมไม่ใช่การพักแค่เกมเดียวแล้วจะหายแน่
โรดรีอาจจะฝืนเพื่อแมนฯ ซิตี้ได้จนจบฤดูกาลนี้ และกับทีมชาติสเปนในยูโร 2024 ในช่วงหลังจบฤดูกาล แต่หลังจากนี้ไปควรจะได้พักฟื้นทางร่างกายและจิตใจอย่างเต็มที่
ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นเสาหลักก็หักโค่นได้เหมือนกัน
อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย