เกิดอะไรขึ้น:
สินเชื่อของกลุ่มธนาคารขยับขึ้น 0.1%MoM ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากหดตัวลง 0.5%MoM ตามฤดูกาลในเดือนมกราคม การเติบโตของสินเชื่อกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 0.1%YoY และลดลง 0.4%YTD ตามคาด โดยในกลุ่มธนาคาร BBL เป็นธนาคารที่มีการเติบโตของสินเชื่อ YTD สูงที่สุดที่ 1.1% และ KBank เป็นธนาคารที่มีการเติบโตของสินเชื่อ YTD ต่ำที่สุดที่ลดลง 1.9%
InnovestX Research คงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2567 ไว้ที่ 3% และคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อปี 2567 จะได้แรงหนุนจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศเป็นหลัก การมีสัดส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศมากที่สุด ทำให้คาดว่าสินเชื่อของ BBL จะเติบโตสูงกว่ากลุ่มในปี 2567
ด้านเงินฝากและเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เงินฝากและเงินกู้ยืมของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 0.5%MoM, 0.5%YoY และ 0.2%YTD ในเดือนกุมภาพันธ์ สอดคล้องกับการเติบโตของสินเชื่อ อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากและเงินกู้ยืมของกลุ่มธนาคารอยู่ในระดับทรงตัวที่ 89%
เมื่อรวมแนวโน้มที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 50 bps ใน 1H67 (25 bps ในเดือนเมษายน และ 25 bps ในเดือนมิถุนายน) เข้ามาไว้ในประมาณการ ปัจจุบันคาดว่าธนาคารส่วนใหญ่จะเห็น NIM แคบลงเล็กน้อยในปี 2567 และปี 2568 โดย NIM จะลดลง QoQ อย่างมากใน 2Q67 และ 3Q67 โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากเงินฝากจะมีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยใหม่ ดังนั้นจึงคาดว่า NIM จะแคบลงเล็กน้อยใน 1Q67
สำหรับ TISCO และ KKP (ซึ่งมีสัดส่วนเงินให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ในระดับต่ำ) คาดว่า NIM จะปรับตัวดีขึ้นใน 4Q67 และปี 2568 เนื่องจากธนาคารเหล่านี้จะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ แรงฉุดรั้งจาก NIM ที่แคบลงทำให้คาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะเติบโต 4% ในปี 2567 และ 6% ในปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อที่ 3% Credit Cost ที่ลดลง 8 bps Non-NII ในระดับคงที่ และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ในระดับทรงตัว สำหรับ 1Q67 คาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ (จาก ECL ที่ลดลง และ OPEX ที่ลดลงตามฤดูกาล) และ YoY (จาก NIM ที่เพิ่มขึ้น)
อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรรายไตรมาสจะทำจุดสูงสุดใน 1Q67 ก่อนที่จะลดลงใน 2Q67-4Q67 กำไร 2Q67 และ 3Q67 น่าจะได้รับผลกระทบจาก NIM ที่แคบลงจากแนวโน้มที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 50 bps ใน 1H67 ในขณะที่คาดว่ากำไร 4Q67 จะลดลง QoQ ตามฤดูกาลอันเป็นผลมาจาก OPEX ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร (SETBANK) ปรับขึ้น 0.05%, BBL ปรับลง 2.79%, KTB ปรับลง 1.23% ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.43%
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
สินเชื่อของกลุ่มธนาคารอยู่ในระดับทรงตัวใน 2M67 ตามคาด เมื่อรวมแนวโน้มที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 50 bps ใน 1H67 เข้ามาไว้ในประมาณการ ดูเหมือนว่าธนาคารส่วนใหญ่จะเผชิญกับ NIM ที่แคบลงในปี 2567 และปี 2568
อย่างไรก็ดี ยังคงเลือก BBL (เรตติ้ง Outperform ราคาเป้าหมาย 185 บาทต่อหุ้น) และ KTB (เรตติ้ง Outperform ราคาเป้าหมาย 22 บาทต่อหุ้น) เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เนื่องจาก Valuation น่าสนใจที่สุด และความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุด แม้ว่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ความเสี่ยงด้าน NIM จากการลดอัตราดอกเบี้ย และการขยายสินเชื่อได้ช้ากว่าคาดเนื่องจากความต้องการสินเชื่อชะลอตัวและการแข่งขันสูง รวมถึงตลาดทุนผันผวน