เซ็นทรัลพัฒนาประกาศทุ่มงบ 1.21 แสนล้านบาทภายใน 5 ปี (2567-2571) เดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ที่ไม่ใช่แค่ศูนย์การค้าแต่เป็นการสร้างแลนด์มาร์กใหม่ทั้งในเมืองหลักและเมืองรองทั่วประเทศ ย้ำเร็วๆ นี้เตรียมเปิดเซ็นทรัล นครปฐม พร้อมเตรียมลงทุนสร้างเซ็นทรัล กระบี่ ซึ่งกำลังจะเปิดในปีหน้า
“การลงทุนดังกล่าวเป็นเพราะเราเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้บริโภค แม้จะเผชิญอยู่กับภาวะหนี้ครัวเรือนสูง แต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทพบว่ายอดการจับจ่ายเติบโตขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นสัญญาณที่ดี ไม่ใช่ว่าเราคิดอยากลงทุนก็ทำ แต่ต้องพิจารณาจังหวะที่เหมาะสม และเราก็มองเห็นโอกาสสร้างการเติบโตในทุกพื้นที่” วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าว
สำหรับยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานระยะยาว 5 ปี (2567-2571) จะมีโครงการที่เปิดให้บริการใหม่ 13 โครงการ ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครสวรรค์ ที่เพิ่งเปิด และเซ็นทรัล นครปฐม ตามด้วยโครงการที่อยู่อาศัยอีก 10 โครงการ และโรงแรมแห่งใหม่ที่ระยอง ซึ่งจะทำให้ภายในปี 2567 เซ็นทรัลพัฒนาจะมีโครงการศูนย์การค้ารวมทั้งหมด 42 โครงการ คอมมูนิตี้มอลล์ 17 โครงการ, ที่อยู่อาศัย 43 โครงการ, โรงแรม 10 โครงการ และออฟฟิศ 10 โครงการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- CPN เผย ปี 2566 รายได้รวม 46,790 ล้านบาท และกำไร 15,062 ล้านบาท เตรียมเปิด ‘เซ็นทรัล นครปฐม’ 30 มี.ค. นี้
- CPN มองเห็นอะไรในเมืองปากน้ำโพ ถึงขั้นทุ่มเงิน 5,800 ล้านบาท สร้างมิกซ์ยูส ‘เซ็นทรัล นครสวรรค์’ ขึ้นมา
- สำหรับ CPN การเปิด ‘เซ็นทรัล เวสต์วิลล์’ ไม่ใช่แค่ศูนย์การค้า แต่เป็นย่านที่เข้ามายกระดับกรุงเทพฯ ตะวันตก และคาดจะดันราคาที่ดินขึ้น 50-60%
พร้อมเปิดแผนสร้างเซ็นทรัล กระบี่ มูลค่าโครงการ 4.5 พันล้านบาท บนพื้นที่ก่อสร้าง 69,000 ตารางเมตร ซึ่งจะสร้างคอนโดและบ้านสไตล์รีสอร์ต เพื่อรองรับกำลังซื้อนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ เบื้องต้นวางแผนเปิดให้บริการในปี 2568 ซึ่งจะเป็นโมเดลที่คล้ายๆ กับเซ็นทรัล ภูเก็ต ที่จะเน้นเจาะทั้งกลุ่มผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ
แม่ทัพใหญ่ CPN กล่าวต่อไปว่า นอกจากการพัฒนาโครงการใหม่ๆ แล้วยังมองเห็นการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของผู้คน ต้องพยายามนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ทำให้ในปีนี้เซ็นทรัลพัฒนาเตรียมปรับโฉมทั้งหมด 6 ศูนย์การค้า เริ่มตั้งแต่ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ตามด้วย เซ็นทรัล บางนา, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ และเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ เพื่อสอดรับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปและยังสามารถรองรับกำลังซื้อที่สูงขึ้น รวมถึงเซ็นทรัล พัทยา และเซ็นทรัล มารีนา จะปรับเป็น Outlet Format รองรับกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยเช่นกัน
อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจคือ เตรียมพัฒนาโครงการ ‘The World’s New Magnitude’ ที่จะสร้างโครงการมิกซ์ยูสจำนวน 5 โครงการ มีพื้นที่รวมกันกว่า 2.2 ล้านตารางเมตร อยู่บน Super Prime Locations รอบกรุงเทพฯ จุดเด่นของแต่ละโครงการจะเป็นแฟลกชิปที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต
ซึ่งจะประเดิมเปิดโครงการแรกคือ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค และในเดือนกันยายนปีนี้จะเปิดให้บริการโรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ พร้อมเปิดส่วนอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์คในปี 2568 โดยอีก 4 โครงการที่อยู่ระหว่างวางแผนงานคาดว่าจะประกาศช่วงครึ่งปีหลังนี้
ทั้งหมดจะขับเคลื่อนโดยวิสัยทัศน์ในการสร้าง The Ecosystem for All ที่มี Retail-Led Synergy โดยทุกธุรกิจ ทั้งศูนย์การค้า โรงแรม ที่อยู่อาศัย และออฟฟิศ จะนำจุดแข็งมาช่วยหนุนธุรกิจและพาร์ตเนอร์ โดยเฉพาะฐานข้อมูล CRM โดยมี Database ที่ศึกษาทุกพฤติกรรมจับจ่าย ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์สร้างโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตลอดจนยังรักษาลูกค้า Loyalty เอาไว้ได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่จะช่วยสร้างอิมแพ็กต์กระจายรายได้ในจังหวัดและการท่องเที่ยวให้มีศักยภาพสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการกระตุ้น GDP และเศรษฐกิจในประเทศ โดยตลอด 7 ปีที่ผ่านมา บริษัทลงทุนต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 1.5-2.2 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จสร้าง New High ด้านผลประกอบการประจำปี 2566 มีรายได้ 46,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 26%
