วันนี้ (7 กุมภาพันธ์) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงดอกเบี้ยที่ 2.5% ว่า “ก็ต้องน้อมรับ เป็นหน้าที่ของเขา เราไม่มีสิทธิไปก้าวก่ายอะไร หน้าที่ของผมคือให้ข้อคิดเห็นในฝ่ายรัฐบาลว่าควรทำอย่างไรบ้าง ความเดือดร้อนของประชาชนอยู่ตรงไหน จะไปก้าวก่ายไม่ได้ แต่ผลโหวตออกมาอย่างนั้นรัฐบาลคงไปก้าวก่ายไม่ได้ ถามว่าเห็นด้วยไหม ก็ไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีสิทธิไปก้าวก่ายอยู่แล้ว ทาง กนง. มีความเป็นอิสระในแง่ของการดำเนินนโยบายการเงิน แต่ว่าเราเองก็อยากเห็น”
เศรษฐากล่าวว่า อย่างที่ตนบอกไปเมื่อวานนี้ และที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บอกไปเมื่อวานนี้ เราอยากเห็นนโยบายการเงินการคลังไปด้วยกัน และขณะนี้เงินเฟ้อก็ติดลบ 4 เดือนแล้ว
รัฐบาลยอมรับความเห็นต่าง
เมื่อถามว่า นายกฯ ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถฝ่าวิกฤตความเห็นต่างไปได้ เศรษฐาระบุว่า ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญในสังคมไทย เราเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีประชาชนให้การสนับสนุน ความเห็นต่างเป็นเรื่องที่สังคมต้องยอมรับได้ ความเห็นต่างเป็นเรื่องที่เราต้องบริหารความคาดหวังซึ่งกันและกัน ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่ก้าวร้าวซึ่งกันและกัน ต้องบริหารกันไป
เมื่อถามว่า รู้สึกเหมือนถูกบีบให้ถอยหรือไม่ เศรษฐาระบุว่า ไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น เป็นหน้าที่ที่ต้องบริหารจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว
ส่วนผลของการประชุมในครั้งนี้ที่ไม่ลดอัตราดอกเบี้ย ยังคาดหวังว่าการประชุมในครั้งหน้าจะลดได้อีกหรือไม่ เศรษฐาระบุว่า ต้องดูตัวเลขไปเรื่อยๆ ตนก็ไม่ได้มีธงว่าจะต้องลด เพราะมีตัวเลขออกมาตลอดเวลา ถ้าตัวเลขบ่งชี้ว่าไม่จำเป็นต้องลด ตนก็จะออกมาบอกในความคิดเห็นของตนในการเห็นต่าง หรือเห็นด้วย หรือเห็นสมควร หรือว่าต้องมีการโน้มน้าว หรือต้องมีการพูดคุย ก็ต้องทำต่อไป
เมื่อถามว่า ความเห็นต่างระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายปฏิบัติจะทำให้มีอุปสรรคในการเดินหน้าบริหารนโยบายต่อไปหรือไม่ เศรษฐาระบุว่า มีอุปสรรคก็ต้องแก้ไขกันไปทุกๆ เรื่อง ทั้งเรื่องปัญหายาเสพติด เรื่องความปลอดภัยสาธารณะ และเรื่องฝุ่น PM2.5 อยู่ตรงนี้แล้ว เราถูกเลือกมาแล้ว เป็นตัวแทนของประชาชน เราถูกเลือกมาให้ดูแลปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย แต่ละปัญหามีความยากง่ายต่างกันไป ก็พยายามต่อไป ไม่ได้เสียกำลังใจ ไม่ได้ท้อถอย เมื่อมายืนตรงนี้แล้ว ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่เราต้องดูแล ดังนั้นเมื่อมีความเห็นต่างก็ต้องพูดคุยกัน
น้อมรับข้อเสนอแนะ ป.ป.ช. ปิดช่องทุจริตดิจิทัลวอลเล็ต
เศรษฐายังกล่าวถึงข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า ตนได้รับทราบคร่าวๆ โดยในเรื่องการทุจริตก็จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต และจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อดูเรื่องนี้โดยเฉพาะ เป็นเรื่องที่ต้องตอบคำถามให้ได้
เมื่อถามว่า มีข้อเสนอแนะให้ระมัดระวังในเรื่องของการแจกเงิน เศรษฐากล่าวว่า ก็ต้องระมัดระวัง ซึ่งก็มีคณะอนุกรรมการอยู่แล้ว ต้องตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ส่วนหลังจากนี้จะมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาหรือไม่นั้น ตนคิดว่าคณะทำงานก็คงทำทุกอย่างที่เป็นการปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน และสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่อีกครั้ง หลังจากนั้นจะมีการแถลงข่าวใหญ่
เมื่อถามว่า ป.ป.ช. มีข้อเสนอแนะอยากให้กลับมาใช้เงินงบประมาณประจำปีปกติมากกว่าการออก พ.ร.บ.กู้เงิน เศรษฐากล่าวว่า เรื่องนี้เดี๋ยวต้องไปคุยกัน เพราะตนก็เพิ่งทราบ
ป.ป.ช. หน้าที่ตรวจสอบ รัฐบาลหน้าที่เคาะคนรับเงิน
เมื่อถามว่า ส่วนข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. ที่อยากให้แจกเงินเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เศรษฐากล่าวว่า ก็ต้องดูว่าสิ่งที่ ป.ป.ช. บอกมาเป็นอย่างไร เหตุผลคืออะไร เพราะหน้าที่ ป.ป.ช. คือการตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบ ส่วนนโยบายจะให้ใครบ้างเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องคำนึงถึงและน้อมรับฟังตามข้อสังเกตของการทุจริต ตนเน้นตรงนี้ดีกว่า ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ป.ป.ช. คือต้องให้ ป.ป.ช. มีความสบายใจ ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
“เรื่องของคนเปราะบางก็เป็นเรื่องตั้งแต่วันแรกที่เราได้พูดคุยกันแล้วว่าตรงไหนคือเปราะบาง ตรงไหนคือไม่เปราะบาง ถ้าผมบอกว่าต่ำกว่า 20,000 บาทไม่เปราะบาง หรือถ้าบอกว่าสูงกว่า 20,000 บาทไม่เปราะบาง คุณได้เงินเดือน 20,000 บาทจะโต้เถียงหรือไม่ ผมเปราะบางเหมือนกัน ผมก็มีหนี้เยอะ ผมก็ต้องการการกระตุ้นเหมือนกันใช่ไหมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะฉะนั้นทางด้าน ป.ป.ช. หน้าที่ของท่านคือเสนอมา แล้วเรื่องการทุจริตต้องระมัดระวังตรงนี้ผมก็น้อมรับ” เศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่า ตามที่เคยหาเสียงระบุว่าจะไม่กู้เงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่ขณะนี้เตรียมจะกู้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ต้องอธิบายให้เข้าใจ ก็ขอดูทางออกสุดท้ายก่อน ทั้งนี้ ทุกความเห็นเราต้องนำกลับมาคำนึงใหม่หมด ตนยืนยัน
ขณะที่ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า การประชุมบอร์ดชุดใหญ่ต้นสัปดาห์หน้ายังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเป็นวันใด
