เกิดอะไรขึ้น:
สำนักงานประกันสังคมได้เพิ่มโควตาปี 2567 สำหรับโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการประกันสังคม (SC) ซึ่งได้มีการปรับปรุงพื้นที่และบริการเพื่อให้สามารถรองรับผู้ป่วย SC ได้มากขึ้น BCH เป็นเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนที่ให้บริการ SC รายใหญ่ที่สุดในแง่ของจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้บริการ โดยคิดเป็นสัดส่วน 33% ของรายได้ใน 9M66 ในขณะที่รายได้ SC คิดเป็นสัดส่วน 32% ของรายได้ของ CHG และเพียง 2% ของรายได้ของ BDMS การเพิ่มโควตา SC จะทำให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถให้บริการผู้ประกันตนที่ขึ้นทะเบียนในระบบ SC ได้มากขึ้น
การวิเคราะห์ความอ่อนไหวชี้ให้เห็นว่า จำนวนผู้ประกันตนที่ขึ้นทะเบียนในระบบ SC ที่เพิ่มขึ้น 10,000 คน จะทำให้ประมาณการกำไรปี 2567 ที่ได้คาดการณ์ไว้สำหรับ BCH, CHG และ BDMS ปรับขึ้นได้อีก 0.3%, 0.5% และ 0.02% ตามลำดับ โดยมองว่า BCH อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ เนื่องจากโควตาถูกเพิ่มเข้าไปในโรงพยาบาลแกนหลักของบริษัทที่มีผู้ลงทะเบียนใช้บริการเกือบเต็มแล้วเป็นส่วนใหญ่ โรงพยาบาลแกนหลักของ BCH; โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค ได้โควตา SC เพิ่ม 180,000 คน ขณะที่โรงพยาบาลแกนหลักของ CHG; โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ และโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 ได้โควตา SC เพิ่ม 35,000 คน
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มการแพทย์ (SETHELTH) ปรับขึ้น 0.03% ขณะที่ SET Index ปรับลง 3.33%
กลยุทธ์และคำแนะนำในการลงทุน:
หุ้นเด่น #1: BCH – Earnings Play ประเมินกำไรปกติ 4Q66 ได้ที่ 430 ล้านบาท ลดลง 7%QoQ (แต่เพิ่มขึ้น 12%YoY) ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวอ่อนแอกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้เล็กน้อย (ว่ากำไรปกติจะเติบโต QoQ) โดยมีสาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ในขณะที่บริษัทยังคงได้ประโยชน์จากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลงจากบริษัทย่อย โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ ใน สปป.ลาว
อย่างไรก็ดี พรีวิวผลประกอบการ 4Q66 ที่ปรับปรุงใหม่บ่งชี้ว่า BCH จะทำกำไรได้ถึงระดับที่คาดการณ์ไว้ในปี 2566 และประมาณการกำไรปกติปี 2567 จะเติบโต 18% แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มการแพทย์ Upside ของกำไรคือ จำนวนผู้ประกันตน SC ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ชอบ BCH มากกว่า CHG เนื่องจากกำไรปี 2567 ของ BCH จะเติบโต 18% แข็งแกร่งกว่า CHG ที่ 13% เนื่องจากกำไรของ CHG จะถูกฉุดรั้งโดยภาระต้นทุนเริ่มแรกจากโรงพยาบาลจุฬารัตน์ แม่สอด (เปิดดำเนินการเต็มปีเป็นปีแรก), แนวโน้ม Upside เพิ่มเติมจากจำนวนผู้ประกันตน SC ที่เพิ่มขึ้น และหุ้น BCH เทรดที่ P/E ปี 2567 ระดับ 32 เท่า หรือ -0.5SD ของ P/E เฉลี่ยในอดีต (ตั้งแต่ปี 2558 ไม่รวมปีที่กำไรสูงผิดปกติจากบริการที่เกี่ยวกับโควิด-19 ในปี 2563-2565) ซึ่งมองว่า BCH ควรมี Valuation ที่สูงกว่า CHG (P/E ปี 2567 ที่ 26 เท่า) เพราะมีความเชื่อมั่นต่อผลประกอบการของ BCH มากกว่า CHG
หุ้นเด่น #2: BDMS – Valuation Play หุ้น BDMS เทรดที่ P/E ปี 2567 ระดับ 29 เท่า ต่ำกว่าระดับ -2SD ของ P/E เฉลี่ยในอดีต (ตั้งแต่ปี 2558 ไม่รวมช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563-2564) โดยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ BDMS ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และศักยภาพการเติบโตในระยะยาวจากความต้องการใช้บริการทางการแพทย์ที่เติบโตมากขึ้นในพื้นที่ EEC
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การเกิดโรคระบาดใหญ่ที่จะส่งผลกระทบทำให้ผู้ป่วยชะลอการเข้าใช้บริการ การแข่งขันรุนแรง การขาดแคลนบุคลากร และความเสี่ยงด้านกฎหมาย สำหรับกลุ่มการแพทย์มองว่า ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ ความปลอดภัยของผู้ป่วย (S) ซึ่ง BCH, BDMS, BH และ CHG นำเอาระบบบริหารคุณภาพต่างๆ มาใช้สำหรับกระบวนการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง