เมืองไทยประกันชีวิตชูกลยุทธ์ ‘Happiness, Your Way’ เติมเต็มความสุขในแบบที่เป็นคุณ ย้ำจะเป็นทั้งคู่คิดด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพ พร้อมยกระดับพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และช่องทางการขาย เปิดให้ลูกค้าทุกกลุ่มเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ปักธงสู่การเป็นผู้นำแบรนด์แห่งความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืน
ถึงวันนี้เมืองไทยประกันชีวิตย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 72 พร้อมปักธงเป็นผู้นำแบรนด์แห่งการสร้างความสุขและรอยยิ้มอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิดการดำเนินงานประจำปี 2567 ด้วยการชูกลยุทธ์ ‘Happiness, Your Way เพราะความสุขคือทุกอย่าง ความสุขสไตล์คุณคือที่สุดของทุกสิ่ง’ ตั้งเป้าเป็นอันดับหนึ่งในการเป็นคู่คิดด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพ เน้นตอบโจทย์ทุกความเป็นคุณ (Personal) ในทุกช่วงของชีวิต (Life) เติมเต็มความสุข เพื่อให้คุณเป็นตัวคุณและรู้สึกดีที่สุดในรูปแบบของตัวคุณเอง แม้จะเป็นเรื่องของประกันก็ตาม
สาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่า ในปี 2566 นับเป็นปีที่สำคัญของเมืองไทยประกันชีวิตในการอยู่เคียงข้างสร้างรอยยิ้มแก่คนไทยครบ 72 ปี และยังเป็นปีที่บริษัทได้รับคะแนน NPS (Net Promoter Score) สูงถึง 58 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 17 คะแนน โดยคะแนนดังกล่าวบ่งชี้ความผูกพันและความพึงพอใจของลูกค้าผ่านคำถามง่ายๆ ว่า ลูกค้ามีแนวโน้มจะแนะนำแบรนด์ให้กับเพื่อนหรือคนรู้จักมากน้อยเพียงใด ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินงานเพื่อลูกค้าอย่างครบวงจรของ MTL
สำหรับทิศทางในปี 2567 เมืองไทยประกันชีวิตเดินหน้าสานต่อการเป็นคู่คิดด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพที่คุณวางใจ โดยได้เปิดตัวกลยุทธ์ ‘Happiness, Your Way เพราะความสุขคือทุกอย่าง ความสุขสไตล์คุณคือที่สุดของทุกสิ่ง’ ที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในปีนี้ เพื่อความสุขและรอยยิ้มของพนักงานภายใน พาร์ตเนอร์ ลูกค้า และสังคมอย่างยั่งยืน
ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าวจะดำเนินงานผ่าน 2 แนวคิดหลัก ได้แก่ 1. Personal เน้นพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ ด้วยการใช้ภาษาที่ง่ายต่อความเข้าใจ ช่องทางที่เข้าถึงได้ง่าย และส่งมอบความเป็นตัวตนในแบบที่เป็นคุณ ได้แก่ ความร่วมมือในการขายประกันชีวิตและสุขภาพผ่านความร่วมมือกับ LINE BK ที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ ซื้อง่าย จ่ายเบา ผ่าน LINE และยังให้ข้อมูลด้วยภาษาและเงื่อนไขที่เข้าใจง่าย รวมไปถึงแพลตฟอร์มอื่นๆ ของบริษัทที่ให้บริการลูกค้าอย่าง MTL Online Sales website (https://online.muangthai.co.th/th/) แอปพลิเคชัน MTL Click และแอปที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง MTL Connect ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ตัวแทนประกันชีวิตของบริษัท
รวมถึงการพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ บริการ และช่องทางการขายที่ใช่และเหมาะสม ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ในแบบที่เป็นตัวเองอย่างเท่าเทียมและง่ายมากขึ้น ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกบทบาทชีวิต ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งคนตัวเล็ก คนตัวใหญ่ เพราะเราเข้าใจทุกความแตกต่างและความเสี่ยงของแต่ละคน
ตามด้วยแนวคิดที่ 2. Life สร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ผู้คนทุกกลุ่ม ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพ ตามด้วยส่งเสริมสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วย การรักษาอย่างครอบคลุมและตรงจุด ควบคู่กับสิทธิประโยชน์ทุกๆ ไลฟ์สไตล์ ซึ่งโครงการเหล่านี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกัน และเอื้อให้ทั้งลูกค้าของบริษัทและคนทั่วไปที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าของบริษัท เช่น บุคคลทั่วไปสามารถใช้แอป MTL Fit เพื่อเก็บข้อมูลการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ พร้อมสะสมคะแนนเพื่อนำไปใช้แลกส่วนลดค่าเบี้ยประกันสุขภาพ ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทก็มีสถานพยาบาลในเครือข่ายมากกว่า 860 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทยังนำเทคโนโลยีทั้ง AI, Machine Learning, Automation และ Digital Tools เข้ามาปรับใช้ในทุกๆ กระบวนการ ทั้งการขาย การพิจารณารับประกัน การพิจารณาสินไหม ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกรมธรรม์ เพื่อตอบโจทย์ร่วมกับพาร์ตเนอร์ทางการขายและเจ้าหน้าที่บริการ ซึ่งทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพดีมากขึ้น
แม่ทัพใหญ่เมืองไทยประกันชีวิตกล่าวต่อไปว่า การดำเนินธุรกิจของเมืองไทยประกันชีวิตไม่ได้เน้นการเติบโตด้านรายได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ด้วยธุรกิจหลักของบริษัทเป็นเรื่องของประกันชีวิต จึงทำให้ความยั่งยืนแรกในมิติสังคมของเราเกี่ยวข้องกับประกันชีวิตโดยตรง
กล่าวคือ เรามุ่งสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคน (Democratize Insurance) ไม่ว่าจะเป็นการขยายอายุรับประกันภัยสำหรับแบบประกันภัยหลักๆ ถึง 90 ปี พร้อมให้ความคุ้มครองต่อเนื่องสูงสุดถึงอายุ 99 ปี ตลอดจนการพัฒนาแบบประกันภัยสำหรับคนที่เข้าไม่ถึงแบบประกัน ด้วยข้อจำกัดทั้งด้านอายุ โรคประจำตัวที่เป็นอยู่ หรือไหวแค่ไหนก็ออกแบบให้เข้าถึงได้โดยไม่เป็นภาระ พร้อมเปิดให้เข้าถึงความคุ้มครองและสุขภาพในรูปแบบใหม่ๆ ตามสภาวะโลกที่เปลี่ยนไป
ในส่วนของมิติสิ่งแวดล้อม เมืองไทยประกันชีวิตได้ลงทุนและเปิดโอกาสให้ลูกค้า Unit Linked สามารถลงทุนในสินทรัพย์สีเขียว ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้สีเขียว (Green Bond) ตราสาร ESG (ESG Bond) และตราสารส่งเสริมความยั่งยืน พร้อมปลูกฝังวัฒนธรรมสีเขียวให้แก่พนักงานในองค์กร เช่น การแยกขยะ การลดใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง การลดใช้กระดาษผ่านกระบวนการดิจิทัลต่างๆ การเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อให้มีการขยายผลสู่สังคมในวงกว้างต่อไป
ท้ายที่สุดบริษัทยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้วยการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการบริหารความเสี่ยงตามมาตรฐานสากล และรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณสูงสุดอย่างเคร่งครัดเป็นสำคัญ ตามพันธกิจด้านความยั่งยืนที่ว่า บริษัทยึดมั่นการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (ESG) เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของเมืองไทยประกันชีวิตในปี 2566 มีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่ในกลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ เบี้ยประกันภัยโรคร้ายแรงเติบโต 70% และเบี้ยประกันภัยบำนาญเติบโต 13% ขณะที่ด้านธุรกิจในภูมิภาค CLMV ยังมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน ณ สิ้นปี 2566 สูงกว่า 300% ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดที่ 140%
ด้านความแข็งแกร่งและเสถียรภาพทางด้านการเงิน บริษัทได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินจาก S&P Global Ratings ที่ระดับ BBB+ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ รวมถึงยังได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลและภายในประเทศจาก Fitch Ratings ที่ระดับ A- และ AAA(tha) ตามลำดับ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งถือเป็นอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินระดับประเทศที่สูงที่สุด พร้อมรับรางวัลการันตีทั้งในด้านองค์กร ผลิตภัณฑ์ และบริการ ในระดับประเทศและระดับสากล สะท้อนถึงการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและความสำเร็จในการดำเนินงานของบริษัทอย่างยั่งยืน
[PR NEWS]
#MuangThaiLife #เมืองไทยประกันชีวิต
#HappinessYourWay
