โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เผยว่า การโจมตีกลุ่มติดอาวุธฮูตีในเยเมนของกองทัพสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรอย่างสหราชอาณาจักร ไม่ได้ช่วยยุติเหตุโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงแต่อย่างใด
กลุ่มฮูตียังคงเดินหน้าโจมตีเรือขนส่งสินค้าที่แล่นผ่านอ่าวเอเดนและทะเลแดงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกลุ่มฮูตีได้โจมตีเรือขนส่งสินค้าของบริษัทเดินเรือสัญชาติอเมริกันอีกลำหนึ่งเมื่อวานนี้ (18 มกราคม) โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ระบุว่า ยังไม่มีรายงานความเสียหาย รวมถึงรายงานจำนวนผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุโจมตีดังกล่าว
การโจมตีเรือบรรทุกสินค้าโดยกลุ่มฮูตีเมื่อวานนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กองกำลังสหรัฐฯ โจมตีใส่ฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มฮูตีในเยเมนรอบที่ 5 โดยกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง (Centcom) เผยว่า กองกำลังสหรัฐฯ ยังได้ตรวจพบขีปนาวุธของกลุ่มฮูตีที่หมายจะใช้ก่อเหตุความไม่สงบบริเวณเส้นทางเดินเรือในทะเลแดง ก่อนที่กองกำลังสหรัฐฯ จะพิจารณาแล้วว่าขีปนาวุธดังกล่าวถือเป็นภัยคุกคามต่อเรือขนส่งสินค้าและกองทัพเรือสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ จึงได้โจมตีและทำลายขีปนาวุธดังกล่าวเพื่อป้องกันตนเอง
ทางด้าน ซาบรินา ซิงห์ รองโฆษกเพนตากอน ได้เน้นย้ำว่า “สหรัฐฯ ไม่ได้กำลังแสวงหาสงคราม เราไม่ได้ทำสงครามกับกลุ่มฮูตี แต่การกระทำของพวกเรานั้นเป็นการป้องกันตัวเองตามสัญชาตญาณโดยธรรมชาติ”
ก่อนหน้านี้เรือบรรทุกสินค้าของบริษัทเดินเรือสหรัฐฯ อีกลำหนึ่งก็ถูกกลุ่มฮูตีโจมตีเช่นกัน เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังสหรัฐฯ ได้ปรับเปลี่ยนสถานะของกลุ่มฮูตีให้กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มก่อการร้าย
ขณะที่ อัลดุล มาลิก อัล-ฮูตี ผู้นำกลุ่มฮูตีระบุว่า “เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เผชิญหน้าโดยตรงกับอิสราเอล สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร การรุกรานต่อประชาชนที่รักของเราถือเป็นการละเมิดและรุกล้ำอำนาจอธิปไตย รวมถึงเป็นการทำร้ายประชาชนชาวเยเมนโดยตรง”
หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าการปะทะกันระหว่างกลุ่มฮูตีและกองกำลังชาติตะวันตกจะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าสงครามอิสราเอล-ฮามาสจะเบาบางลง โดยกลุ่มฮูตีเริ่มเปิดฉากโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในแถบทะเลแดงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 เพื่อกดดันให้กองทัพอิสราเอลยุติการใช้ความรุนแรงในฉนวนกาซาโดยทันที
ภาพ: Evelyn Hockstein / Reuters
อ้างอิง: