เรียกว่าสมมงการกลับมาของ พัคอึนบิน หลังจากสร้างความประทับใจในบทบาททนายอูยองอูใน Extraordinary Attorney Woo นำพาให้ Castaway Diva คว้าเรตติ้งสูงสุดที่เลข 8 และเป็นซีรีส์ที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในโลกออนไลน์ของเกาหลีใต้ แต่ในประเทศไทยซีรีส์เรื่องนี้อาจไม่ใช่รสชาติที่คุ้นเคย ด้วยความที่ไม่ใช่โรแมนติกคอเมดี้ทั่วไป แต่เล่าเรื่องความรัก ความฝัน สอดแทรกความรุนแรงในครอบครัว ที่เหมือนจะเข้ากันไม่ได้แต่กลับกลมกล่อมชุบชูหัวใจได้ดีทีเดียว
Castaway Diva ว่าด้วยเรื่องราวของ ซอมกฮา (อีเร และ พัคอึนบิน) เด็กสาวสดใสจากเกาะซุนซัม ที่มีความฝันอยากเจริญรอยตามดิว่ารุ่นพี่อย่าง ยุนรันจู (คิมฮโยจิน) ที่มีพื้นเพจากซุนซัมเหมือนกัน แต่ภายใต้ความสดใสนั้นมกฮาต้องเผชิญกับความรุนแรงจากคุณพ่อที่ใช้เธอเป็นสนามอารมณ์ ไม่ต่างจาก จองกีโฮ (มุนอูจิน) เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่มักถูก จองบงวาน (อีซึงจุน) พ่อที่เป็นตำรวจทำร้ายอยู่บ่อยๆ มกฮาไล่ตามความฝันด้วยการส่งมิวสิกวิดีโอของตัวเองไปให้ค่ายเพลงของยุนรันจูจากความช่วยเหลือของกีโฮจนได้รับคัดเลือก ทั้งคู่ตัดสินใจหนีออกจากเกาะ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้มกฮาไปไม่ถึงฝั่งฝัน ต้องติดอยู่บนเกาะร้างยาวนาน 15 ปี
ในที่สุดมกฮาก็ได้รับความช่วยเหลือจากสองพี่น้อง คังอูฮัก (ชาฮักยอน) และ คังโบกอล (แชจงฮยอบ) จนได้พบกับยุนรันจูที่วันนี้กลายเป็นดิว่าตกกระป๋อง ขาดความมั่นใจ และเสียงร้องไม่ดีเหมือนเคย มกฮาจุดไฟฝันให้รันจูอีกครั้งด้วยการเป็นเงาเสียงให้เธอ พร้อมๆ กับการเดินทางตามความฝันของตัวเองและความหวังที่จะได้เจอกับกีโฮอีกครั้ง
อ่านจากเรื่องย่อ Castaway Diva ก็เหมือนกับการเอาภาพยนตร์เรื่อง A Star is Born มาผสมเข้ากับ Castaway แต่ที่ดึงดูดความสนใจคือความใสแบบไม่ใสด้วยการใส่เรื่องความรุนแรงในครอบครัว ทำให้มูดแอนด์โทนของเรื่องมีความหม่นนิดๆ ลึกลับหน่อยๆ ซึ่งแม้ว่าจะเดินทางมาถึงอีพีที่ 6 และเฉลยว่ากีโฮคือใครแล้ว ก็ยังมีเสน่ห์ดึงดูดให้น่าติดตามพร้อมๆ กับการตั้งคำถามผ่านชื่อตอนที่เล่นกับคำว่า ‘ระหว่าง’ ที่เป็นได้ทั้งทางเลือกและช่วงเวลา ซึ่งไปได้ดีกับเรื่องราวที่ว่าด้วยการตามหาความฝัน
แม้จะมีข้อบกพร่องในแง่ความสมจริง ทั้งสภาพความเป็นอยู่และสภาพร่างกายของมกฮาที่ไม่เหมือนใช้ชีวิตในป่ามา 15 ปี แต่เมื่อหักลบกลบหนี้กับคุณภาพการแสดงของทั้งอีเรและพัคอึนบินก็ถือว่าให้อภัยได้ (แถมทั้งคู่ก็หน้าเหมือนกันมากซะด้วย) โดยเฉพาะพัคอึนบินกับการแสดงออกทางสีหน้าท่าทางเหมือนเด็กสาวอายุ 16 ปีในร่างผู้หญิงวัย 31 ปี ได้อย่างหมดจด และอยากให้สังเกตแววตาในช่วงที่ร้องเพลงกับรันจู มันเต็มไปด้วยไฟฝันแบบที่ตัวละครมกฮามีอยู่จริงๆ ในขณะที่แชจงฮยอบในบทของคังโบกอลก็ถอดแบบจองกีโฮตอนเด็กที่แสดงโดยมุนอูจินได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งความดีงามของ Castaway Diva คือการตั้งคำถามเรื่องความฝันและความหวังว่ามีวันที่สายเกินไป หรือเราจะหวังในวันที่มืดมนได้หรือไม่ ทั้งจากการที่มกฮาถูกพ่อบังเกิดเกล้ากระทำ และต้องเสียเวลาชีวิตไปกว่า 15 ปีบนเกาะร้าง จนการได้กินรามยอนอีกสักครั้งก็มีค่าพอให้มีชีวิตอยู่ต่อ จนกระทั่งได้เข้ามาอยู่ในโลกสมัยใหม่ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะตามความฝันตัวเอง รวมไปถึงบทบาทของยุนรันจูผู้ผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีใครบอกได้ว่าช่วงเวลานั้นจะมีเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตเสียเมื่อไร
แม้เส้นเรื่องหลักจะว่าด้วยเรื่องความหวังและความฝันในแบบฟีลกู๊ด แต่ Castaway Diva ก็สอดแทรกเรื่องหนักๆ เข้ามาในจังหวะที่ลงตัว ทั้งในตอนแรก และกลับมาเข้มข้นอีกครั้งในตอน 5 และ 6 อย่างไม่เสียอรรถรส ที่สำคัญมันสะท้อนความซับซ้อนของปัญหาความรุนแรงในครอบครัวได้ดีเสียด้วย ทั้งในแง่ความรุนแรงในนามของความรักและการเป็นผู้ให้กำเนิดผ่านตัวละครจองบงวาน ที่เมื่อได้ฟังจากบทสนทนาก็พอจะเข้าใจได้ว่าเขามองตัวเองเป็นเจ้าของชีวิตของทุกคนในฐานะเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว เมื่อรวมเข้ากับหน้าที่การงานที่สามารถจัดการชีวิตคนอื่นได้ด้วยยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่ลูกและเมียจะมีความสุขหากพ้น ‘อ้อมกอดแห่งความรัก’ ในแบบของเขา ที่น่าหนักใจกว่านั้นคือ แนวคิดนี้ถูกหล่อหลอมอย่างเป็นระบบโดยเฉพาะในสังคมเอเชีย อย่างที่เราได้ยินสุภาษิตที่ว่า ‘รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี’ จึงมีหลายๆ เคสที่ลูกถูกตีแบบวัวควายอย่างคำที่สุภาษิตว่าไว้
จากผลการสำรวจที่จัดทำโดยสถาบันพัฒนาสตรีแห่งเกาหลีในปีนี้พบว่า 91.4% มองว่า ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวหมายถึงผู้ก่อเหตุใช้ความรุนแรงเป็นเพศชาย และผู้ถูกกระทำเป็นเพศหญิงเท่านั้น รองลงมาคือความรุนแรงที่พ่อแม่กระทำต่อลูก และภรรยากระทำต่อสามี ตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัว 79% เป็นเพศชาย และ 21% เป็นเพศหญิง และมีเพียง 11.5% เท่านั้นที่เข้าใจความหมายของความรุนแรงในครอบครัวอย่างถูกต้อง ในระยะหลังเราจึงได้เห็นเรื่องราวเหล่านี้สอดแทรกอยู่ในซีรีส์เกาหลีอยู่บ่อยๆ
โดยรวมแล้ว Castaway Diva คือซีรีส์เจาะลึกทางอารมณ์ และส่งข้อความแห่งความหวังไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยไหนของชีวิต ตามแนวถนัดของนักเขียน พัคฮเยรยอน ที่เก่งเรื่องสร้างแรงบันดาลใจพอๆ กับการหักอกคนดูแบบไม่แคร์เลิฟไลน์ในวัยเด็ก แบบที่ทำมาแล้วใน Start-Up ดังนั้น ใครที่กำลังลุ้นเรื่องรักของมกฮาไปพร้อมๆ กับความฝันในการเป็นนักร้อง ก็อย่าเพิ่งการันตีว่าใครคือพระเอกตัวจริง!