“ใครงามเลิศในปฐพี” ประโยคคุ้นหูจากนิทานก่อนนอนในชีวิตจริง
หากถูกถามว่าใครสวยที่สุด ใครสวยกว่าใคร เขากับฉันใครสวยกว่ากัน น่าจะเป็นประโยคที่สร้างความปวดหัวให้คนที่ถูกถามจนอึดอัด ขณะที่มาตรฐานของ ‘ความงาม’ อาจเป็นเหตุผลปัจเจกที่แต่ละคนจะมีมุมมองในความงามของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม มนุษย์เองนี่แหละคือคนที่ได้คิดค้นหนึ่งในวิธีหาคำตอบดังกล่าว ด้วยการจัดเวทีประกวดความงามที่กลายมาเป็นพื้นที่แห่งการแข่งขันแย่งชิงความเป็นที่หนึ่ง จากระดับหมู่บ้านสู่ระดับโลก
ความดุเดือดไม่ต่างจากการทำสงคราม เพราะแค่ความสวยอย่างเดียวไม่พอสำหรับสมรภูมินี้ ไหวพริบ ปฏิภาณ เหมือนอาวุธลับที่ใช้สู้ศึก ทำให้คู่ต่อสู้หวั่นใจ เพราะประเมินความเก่งจากความสวยไม่ได้ และความสวยไม่ได้แปลว่าจะเก่งเสมอไป
ในรอบตอบคำถาม หากตอบดีมีวิสัยทัศน์ อานุภาพความรุนแรงปนความอ่อนหวานอาจทำให้คู่ต่อสู้ตกเป็นรองเพราะไม่มั่นใจ การตอบคำถามที่เฉียบคมจนได้ครองหัวใจคณะกรรมการคือรางวัลที่คู่ควรทั้งตำแหน่งและมงที่ทุกคนต่างให้การยอมรับ
‘เวทีประกวดธิดาช้าง’ คือเวทีประกวดที่เคยถูกกำหนดขึ้น หลายคนบอกว่ามันคือเวทีสีสัน เวทีสร้างเสียงหัวเราะ คนที่เข้าประกวดต้องมีรูปลักษณ์ที่อ้วน ต้องตลก ต้องไม่เหมือนเวทีนางงาม กลายเป็นภาพจำของหลายคนในสังคมจนถึงทุกวันนี้
แถมยังเป็นกำแพงสำหรับกลุ่มสาวพลัสไซส์ที่มีความสามารถและศักยภาพในตัวเอง กลายเป็นคำล้อเลียน คำดูถูกในชีวิต กระทั่งสร้างบาดแผลฝังลึกในจิตใจ จนบางคนไม่อยากร่วมกิจกรรม เพราะกลัวคำบูลลี่จากคนรอบตัว หรือรู้สึกเป็นส่วนเกินของสังคม
เวทีประกวด ‘Miss Big Size Thailand’ ธิดาช้างภาคตะวันตก เป็นอีกเวทีที่เปิดโอกาสให้สุภาพสตรีและเพศหลากหลายใช้พื้นที่แสดงความสามารถ เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะไปแข่งขันบนเวทีการประกวดระดับประเทศต่อไป
THE STANDARD พูดคุยกับ ‘โบว์ ญานิศา’ ธิดาช้างภาคใต้ 2023 สาวพลัสไซส์บนเส้นทางเวทีการประกวด
โบว์บอกว่า เธอเป็นเด็กที่ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ยิ่งถ้าใครเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยประถมจนถึงมัธยม แม้กระทั่งมหาวิทยาลัย ก็จะรู้ว่าโบว์กลัวการพูดหน้าชั้นเรียนมาก
แต่โบว์โชคดี ตั้งแต่เด็กจนโตไม่ค่อยโดนแกล้งหรือถูกบูลลี่จากเพื่อนรวมถึงคนรอบข้าง โบว์มองว่าการที่บางคนบูลลี่คนอื่นในเรื่องน้ำหนักตัวหรือร่างกาย คนที่ทำอาจไม่ได้คิดอะไร มองว่าเป็นการหยอกล้อหรือแซวเล่นด้วยความเอ็นดู แต่คนถูกกระทำจะอยู่กับความรู้สึกนั้นไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ส่วนคนบูลลี่อาจลืมสิ่งที่ทำไปแล้วก็ได้
โบว์บอกว่า แผลในใจจากการถูกบูลลี่ที่รู้สึกถึงทุกวันนี้เป็นช่วงเรียนมหาวิทยาลัย เราต้องนั่งรถรับจ้างเพื่อกลับบ้าน พี่เขาไม่ยอมไปส่งเรา เราก็เข้าใจพี่เขานะว่าเราตัวใหญ่ ก็ไม่ได้โกรธอะไร เราก็พยายามทำเป็นเรื่องตลกให้ผู้โดยสารที่เข้าคิวรอเห็นว่าเราไม่ได้อายที่อ้วนนะ แต่เรารู้สึกเจ็บมากกว่า ยังจำความรู้สึกนั้นได้ดีจนทุกวันนี้
โบว์บอกอีกว่า จากตัวเองที่เป็นคนขี้อาย ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าแสดงออก จุดเปลี่ยนที่ทำให้กล้าเดินออกมาจากพื้นที่ปลอดภัย โบว์แค่อยากเอาชนะความกลัวของตัวเอง และอยากทำอะไรที่ยังไม่เคยทำ รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับตัวเอง ตอนแรกไม่อินเท่าไร ไม่คิดว่าจะเข้ารอบด้วยซ้ำ แต่โบว์บอกว่า เธอแค่อยากเข้าร่วม
โบว์เล่าอีกว่า เธอเคยล้มตอนซ้อมลงบันไดในการแข่งขันเวทีหนึ่ง น้องที่ยืนคู่กันแต่ไม่รู้จักกันรีบเข้ามาช่วยและบอกโบว์ว่า ตอนเดินจริงให้จับมือเขาเดินลงไปพร้อมกัน การประกวดครั้งนี้โบว์ได้เจอน้องเขาอีกครั้ง โบว์บอกว่า เธอดีใจมากๆ ได้เจอพี่ๆ หลายคนที่เคยประกวดเวทีเดียวกัน ได้เจอทั้งเพื่อนเก่าและได้เพื่อนใหม่เพิ่ม
โบว์บอกว่า การประกวดครั้งนี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้ตำแหน่ง เพราะเน้นเข้าร่วมไม่เน้นเข้ารอบมาตลอด ตอนแรกคิดว่าจะไม่สมัครเวทีนี้แล้ว เพราะเพิ่งผ่านเวทีก่อนหน้านี้มาไม่ถึง 3 เดือน สุดท้ายก็ตัดสินใจลงประกวด รู้สึกว่าถ้าไม่ลงประกวดจะเสียใจมาก เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ทำ
แต่หากได้รับตำแหน่งในครั้งนี้ก็เปรียบเสมือน A New Chapter Begins ในชีวิตเรา เป็นเหมือนใบเบิกทางให้เราอีกทางหนึ่งที่อาจนำมาซึ่งโอกาสต่างๆ
โบว์บอกว่า อยากให้ทุกคนกล้าที่จะมั่นใจตัวเอง กล้าและภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น ในเรือนร่าง ในเพศสภาพ ไม่ว่าเราจะอยู่ในบริบทไหน หากสิ่งที่จะทำเป็นเรื่องที่ดี ได้โปรดอย่ารอ รีบทำเลย เพราะทุกการลงมือทำคือประสบการณ์ของชีวิต อยากให้ใช้ ‘ใจบันดาลแรง’ เพราะถ้าใจบอกว่าใช่ อย่างไรร่างกายก็ไหวเสมอ
โบว์หวังว่าทุกคนจะได้เจอ ‘ตัวละครลับ’ ในโรงละครของตัวเอง