วันนี้ (17 ธันวาคม) พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงข้อกังวลของหลายฝ่ายเกี่ยวกับเงื่อนไขใน พ.ร.บ.ประชามติฯ ว่า ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และภาคส่วนอื่นๆ มีข้อห่วงใยเกี่ยวกับกฎหมายประชามติที่ต้องใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น หรือ Double Majority ที่บัญญัติในมาตรา 13 ของ พ.ร.บ.ประชามติฯ ซึ่งอาจไม่เป็นธรรมต่อการทำประชามติในทุกหัวข้อ
ซึ่งเกณฑ์ชั้นที่ 1 คือ จะต้องมีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ ส่วนชั้นที่ 2 คือ ต้องมีเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ มีความสุ่มเสี่ยงหากคนที่ไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่ถูกถาม แทนที่จะออกมาใช้สิทธิแต่ใช้วิธีนอนอยู่บ้านเพื่อคว่ำประชามติแทน และหากบวกกับจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิก็จะไม่ถึงเกณฑ์เสียงข้างมากชั้นแรก ก็จะทำให้ตกไป
เสนอแก้ไม่กำหนดเกณฑ์ผู้มาใช้สิทธิ
พริษฐ์เห็นว่า ควรทบทวนตัวกติกานี้โดยเฉพาะชั้นแรก พร้อมเสนอทางเลือกในการแก้ไข 2 ประเด็นคือ ยกเลิกเกณฑ์ชั้นที่ 1 ไม่ต้องกำหนดจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งบางประเทศไม่มีเกณฑ์ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น และประชามติ 2 ครั้งของประเทศไทย ในการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 และ 2560 ก็ไม่ได้มีการกำหนดเกณฑ์สัดส่วนผู้ออกมาใช้สิทธิ ส่วนอีกหนึ่งทางคือ ให้เขียนว่าคนออกมาใช้สิทธิและลงคะแนนเห็นชอบเกิน 25% หรือ 1 ใน 4 ของผู้มีสิทธิทั้งหมด ซึ่งจะสามารถป้องกันยุทธศาสตร์การนอนอยู่บ้านเพื่อคว่ำประชามติได้
สำหรับกระบวนการในการแก้ไขกฎหมาย พริษฐ์กล่าวว่า วิธีการแก้ไขกฎหมายเรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุดคือ ให้รัฐบาลและฝ่ายค้านร่วมกันยื่นแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ประชามติฯ มาตรา 13 ซึ่งถ้าดำเนินการยื่นเสนอไว้ เมื่อสภาเปิดสมัยประชุมช่วงเดือนธันวาคมก็สามารถพิจารณาวาระแรกได้ทันที และเชื่อว่าจะสามารถผ่าน 3 วาระไปได้โดยไม่กระทบต่อกรอบเวลาในการจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลวางไว้ว่าจะเคาะว่าจะทำประชามติหรือไม่ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2567 เพราะเป็นการแก้ไขแค่มาตราเดียว
พริษฐ์ยังเสริมว่า นอกจากประเด็นเรื่องมาตรา 13 เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นแล้ว ไหนๆ จะแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติฯ ถ้าไม่กระทบกรอบเวลาในการพิจารณาอาจพิจารณาประเด็นอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น จะทำอย่างไรให้กฎหมายประชามติรองรับการจัดทำประชามติวันเดียวกับการเลือกตั้งอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง สส. หรือเลือกตั้งท้องถิ่น
ปัจจุบันมีข้อจำกัดที่อาจทำให้การดำเนินการด้านธุรการยุ่งยาก ถ้าแก้ไปด้วยก็จะเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้สามารถเลือกวันลงประชามติได้ยืดหยุ่นมากขึ้น และอาจมีประชาชนออกมาใช้สิทธิมากขึ้นได้ในช่วงพร้อมกับการเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังเสนอให้แก้ไขกรณีการเข้าชื่อของประชาชนเพื่อทำประชามติ 50,000 รายชื่อทางออนไลน์ได้ด้วย
เปิดเงื่อนไขการทำประชามติใน พ.ร.บ.ประชามติฯ 2564
กฎหมายประชามติที่จะใช้คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 ซึ่งกำหนดเงื่อนไขของการออกเสียงประชามติที่จะเป็นข้อยุติได้ ดังนี้
- ต้องมีผู้มาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง
- มีจำนวนเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ
ดังนั้น จึงมีความกังวลว่าการใช้เสียงส่วนใหญ่สองชั้น หรือ Double Majority อาจทำให้เส้นทางสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ถึงฝั่งฝัน