JKN เป็นหนึ่งในหลักทรัพย์ที่ผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นกู้จับตามองมากที่สุดในเวลานี้ หลังจากที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ว่า บริษัทได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 4 วันทำการ คิดเป็นมูลค่ามาร์เก็ตแคปที่หายไปกว่า 867 ล้านบาท
ล่าสุด บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2566 ผ่านตลาดหลักทรัพย์ พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 115 ล้านบาท ลดลง 23.87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้นแม้ว่าด้านรายได้มีการเติบโตขึ้นเกือบทุกด้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- หุ้น JKN ดิ่งฟลอร์ 4 วันติด ฉุดมาร์เก็ตแคปสูญเฉียด 900 ล้านบาท หลังยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง เบรกจ่ายคืนหนี้ทุกก้อน
- หมดแรงยื้อ JKN ยื่นศาลล้มละลายขอฟื้นฟูกิจการ แก้ปัญหาสภาพคล่อง
- จับตา! ศาลล้มละลายรับคำร้องยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ทางรอดเดียว JKN แก้ปัญหาสภาพคล่อง เจ้าหนี้เสี่ยงรอได้เงินคืนอีกยาว
ส่วนต้นทุนบริการของธุรกิจการขายและให้บริการจัดการสิทธิ์ของมิสยูนิเวิร์สมีผลขาดทุน เนื่องจากเป็นการจัดงานครั้งแรก และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
จากเหตุผลที่กล่าวส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนปี 2566 ปรับตัวลดลงเป็น 4.89% จาก 9.38% ในปี 2565 และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเมื่อเทียบกับรายได้รวมสำหรับงวด 9 เดือนปี 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 22.59% จาก 19.43% ในปี 2565
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในส่วนการขายและให้บริการจัดการสิทธิ์ของมิสยูนิเวิร์ส บริษัทได้มีการทำสัญญากับคู่สัญญาในธุรกิจหลากหลายด้านที่เกี่ยวเนื่องกับ MUO ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 โดยบริษัทได้มีการทยอยรับเงินตามงวดในสัญญาไว้แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทได้บันทึกการรับเงินตามงวดรายการของสัญญาเหล่านั้นภายใต้หัวข้อ ‘รายได้รอตัดบัญชี’ (ตามรายงานผู้สอบบัญชี) จำนวน 251 ล้านบาท โดยจำนวนดังกล่าวจะมีการรับรู้เป็นรายได้ภายในไตรมาส 4/66
สำหรับงวด 9 เดือนปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมเท่ากับ 2,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 742 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 45.88%
ทั้งนี้รายได้ของบริษัทและบริษัทย่อยในแต่ละธุรกิจสำหรับงวด 9 เดือนปี 2566 มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับรายได้ประเภทเดียวกันจากปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจของบริษัทยกเว้นธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์
โดยรายได้อื่นอย่าง รายได้ค่าสิทธิ์จากธุรกิจให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์รายการเพิ่มขึ้นเท่ากับ 38.42% รายได้จากการให้บริการจากธุรกิจ บริการโฆษณาเพิ่มขึ้นเท่ากับ 2.57%
รายได้จากการขายจากธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลดลงท่ากับ 24.12% และในขณะที่รายได้จากการบริหารจัดการลิขสิทธิ์ขององค์กรนางงามจักรวาลเพิ่มขึ้นเท่ากับ 100% และรายได้อื่นลดลงเท่ากับ 45.60%
ผู้สอบบัญชีกรณีไม่ให้ข้อสรุปต่อข้อมูลทางการเงิน
JKN รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเพื่อชี้แจงผลรายงานผู้สอบบัญชีกรณีไม่ให้ข้อสรุปต่อข้อมูลทางการเงินระหว่างกาลสำหรับงวด 9 เดือนปี 2566 โดย JKN ระบุว่าผู้สอบบัญชีได้สอบทานและรับรองงบการเงิน ไม่ให้ข้อสรุปต่อข้อมูลทางการเงินระหว่างกาลที่สอบทาน เนื่องจาก
- การขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดย JKN ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท และกำหนดวันไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 29 มิถุนายน 2567 ด้วยเหตุดังกล่าวทั้งหมดจะส่งผลต่อการเรียกชำระคืนของหนี้สินและอาจถูกฟ้องร้องจากกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ หุ้นกู้แปลงสภาพและหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินโดยพลัน และการจ่ายชำระหนี้สินหมุนเวียนจึงขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการปรับแผน จากสถานการณ์ข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในการจ่ายชำระหนี้สินและการดำเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบริษัท
- การผิดนัดชำระหนี้ โดยบริษัทไม่สามารถจ่ายชำระหนี้สินเงินกู้จากสถาบันการเงินตามเงื่อนไขในสัญญาจำนวน 3 แห่ง จำนวนเงิน 54.64 ล้านบาท ซึ่งช่วงเดือนกันยายน บริษัทได้ทำหนังสือขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้กับสถาบันการเงิน 3 แห่ง และขอให้สถาบันการเงินไม่เรียกร้องให้บริษัทชำระหนี้ทั้งหมดทันที แต่ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้หนังสือยืนยันจากสถาบันการเงิน โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทยังไม่ได้ตั้งประมาณการความเสียหายและดอกเบี้ยผิดนัดชำระที่อาจเกิดขึ้นในงบการเงิน
- การประเมินการด้อยค่า ซึ่งกลุ่มบริษัทมีมูลค่าเงินลงทุนในบริษัทย่อยจำนวนเงิน 2,460.31 ล้านบาท เครื่องหมายการค้าจำนวนเงิน 1,333.31 ล้านบาท และสินทรัพย์ไม่มีตัวตนประเภทลิขสิทธิ์รายการจำนวนเงิน 6,277.65 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อบ่งชี้ว่าสินทรัพย์ดังกล่าวอาจด้อยค่าและมีค่าความนิยมจำนวน 717.96 ล้านบาท ที่บริษัทต้องทดสอบและประเมินด้อยค่าทุกปี สินทรัพย์ทั้งหมดอยู่ระหว่างดำเนินการประเมินโดยผู้ประเมินอิสระ
ดังนั้นสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นมีผลกระทบและมีความเกี่ยวข้องกัน ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญต่อความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบริษัท และอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินที่มีสาระสำคัญในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการ
กรรมการบริษัทลาออก 5 คน
ในวันเดียวกัน (15 พฤศจิกายน) ขอแจ้งว่า บริษัทได้รับหนังสือแจ้งความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการและกรรมการชุดย่อยของบริษัทจากกรรมการทั้งสิ้น 5 ท่าน โดยมีรายชื่อกรรมการที่ลาออกดังต่อไปนี้
- พล.ร.อ. อภิชาติ เพ็งศรีทอง ลาออกจากตำแหน่งกรรมการอิสระ และประธานกรรมการ เนื่องจาก ปัญหาด้านสุขภาพ มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป
- อนงค์ พานิชเจริญนาน ลาออกจากตำแหน่งกรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ เนื่องจากติดภารกิจส่วนตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป
- สุรชัย ชมภูไพสร ลาออกจากตำแหน่งกรรมการอิสระ ประธานกรรมการตรวจสอบ กรรมการบริหารความเสี่ยง และประธานกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน เนื่องจากติดภารกิจส่วนตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป
- ยุทธพงศ์ มา ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ เนื่องจากทิศทางและกลยุทธ์การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและความไม่แน่นอนของการทำธุรกิจในอนาคตของบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป
- เอกภิสิทธ์ สุทธิกุลพานิช ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ เนื่องจาก ทิศทางและกลยุทธ์การแก้ไข ปัญหาสภาพคล่องและความไม่แน่นอนของการทำธุรกิจในอนาคตของบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การลาออกของกรรมการจำนวนทั้ง 5 ท่านดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
สรรหาและแต่งตั้งกรรมการใหม่ 3 คน
JKN ได้ดำเนินการสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 11/2566 ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่แทนที่กรรมการเดิมที่ลาออก ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
- แต่งตั้ง รับพร พรหมวงศานนท์ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการแทน ยุทธพงศ์ มา โดยดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ ประธานกรรมการ และกรรมการบริหารความเสี่ยง มีผลตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป
- แต่งตั้ง สุนทรสิงห์ วิทยปิยานนท์ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการแทน สุรชัย ชมภูไพสร โดยดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ และประธานกรรมการตรวจสอบ มีผลตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป
- แต่งตั้ง สรรดิลก จันทร เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการแทน เอกภิสิทธ์ สุทธิกุลพานิช โดยดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ กรรมการตรวจสอบ และประธานกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน มีผลตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป
หุ้นถูกแขวน SP, NP วันที่ 15-16 พฤศจิกายน เหตุเสี่ยงถูกสั่งแก้งบใหม่
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ได้ขึ้นเครื่องหมาย SP กับบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ตั้งแต่วันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2566 และขึ้นเครื่องหมาย NP ตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน 2566
โดยให้เหตุผลว่าผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น/ไม่ให้ความเชื่อมั่นต่องบการเงิน ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อาจสั่งแก้งบได้