ออกมาเคลื่อนไหวตลาดไม่หยุด สำหรับ ‘THE COFFEE CLUB’ แบรนด์ร้านออลเดย์ไดนิ่งสัญชาติออสเตรเลีย หลังจากประสบความสำเร็จในการเพิ่มลูกค้าคนไทยแล้ว จากนี้มองไกลไปถึงการเปิดร้าน 24 ชั่วโมงในพื้นที่ท่องเที่ยว
“เรามองว่าร้านอาหารในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวมีโอกาสดึงกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งเราอยู่ระหว่างการศึกษาโมเดลการเปิดร้าน 24 ชั่วโมง เพื่อให้บริการทั้งเครื่องดื่มและอาหารเช้า-เย็นแบบครบวงจร แต่ก็ต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบ ทั้งการเลือกพื้นที่และการบริหารจัดการเรื่องพนักงาน” นงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว
เบื้องต้นได้ทดลองเปิดร้าน 24 ชั่วโมงสาขาแรกที่โรงแรม Staybridge Suites Bangkok สุขุมวิท 55 สิ่งที่น่าสนใจของสาขาดังกล่าวคือ จะมีเมนูเอ็กซ์คลูซีฟประจำสาขา เช่น เมนูและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อย่างเครื่องดื่มชานมซีลอนใส่บุกบราวน์ชูการ์ หรือชานมไข่มุกแบบหวานน้อยและใช้บุกทำเม็ดไข่มุกแทนแป้ง ซึ่งเชื่อว่าร้านที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงจะสอดรับกับไลฟ์สไตล์คนเมืองได้เป็นอย่างดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘The Coffee Club’ โดดรับเทรนด์ธุรกิจร้านกาแฟ งัดเมนูวาไรตี้-เพิ่มฐานสมาชิก พร้อมขยายสาขา…
- เมื่อ The Coffee Club บอกว่าตัวเองไม่ใช่ ‘ร้านกาแฟ’ ก้าวต่อไปคือรุกตลาดคนไทย
- เมนูไหนขายไม่ดี ตัดออกทันที! กลยุทธ์ ‘The Coffee Club’ ที่เหลือไว้เฉพาะเมนูไฮไลต์ในราคาเข้าถึงง่าย…
ยิ่งไปกว่านั้น ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ยังมองถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงไฮซีซัน รวมไปถึงเม็ดเงินสะพัดจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย ทำให้ THE COFFEE CLUB มีการทำเมนูอาหารเล่มใหม่ออกมา นอกจากการนำเสนอเมนูอาหาร เบเกอรี ขนมหวาน และเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ประจำร้านแล้ว ภายในเล่มเมนูใหม่ได้ออกแบบให้ทันสมัยและง่ายต่อการใช้งาน
จริงๆ แล้วตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา THE COFFEE CLUB พยายามขยายการรับรู้แบรนด์ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ผ่านการเปิดร้านในทำเลใหม่ๆ โดยเฉพาะพื้นที่ย่านธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว ในหลากหลายคอนเซปต์ ตั้งแต่ร้านอาหารเต็มรูปแบบ หน้าร้านแบบ Grab & Go ไปจนถึงร้านสไตล์คาเฟ่ที่เน้นให้บริการเครื่องดื่ม เบเกอรี และขนมหวาน ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม
อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการรักษากลุ่มลูกค้าเดิมด้วยการพัฒนาลอยัลตี้โปรแกรม เช่น สิทธิพิเศษประจำเดือนเกิด หรือจะเป็นโปรแกรม Coffee Subscription แลกซื้อเครื่องดื่มได้ถึง 10 แก้วต่อเดือน ในราคา 590 บาท
เรียกได้ว่าโปรแกรม Coffee Subscription ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของเรา ที่ผ่านมาจะเห็นว่าลูกค้ามีการไปทำการตลาดให้แบรนด์ด้วยการบอกปากต่อปาก สะท้อนให้เห็นว่าจุดแข็งของรสชาติกาแฟ ประกอบกับราคาที่ดึงดูด ก็ทำให้เข้าถึงคนไทยได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
“มั่นใจว่ากลยุทธ์ทั้งหมดจะส่งผลให้ใน 10 เดือนแรกของปี 2566 THE COFFEE CLUB จะมีการเติบโตราว 40% โดยปัจจุบันมีสาขารวมทั่วประเทศ 40 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 21 สาขา และสาขาจังหวัดท่องเที่ยว 19 สาขา คิดเป็นสัดส่วนของลูกค้าไทย 40% ต่างชาติ 60%” นงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ย้ำ