เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (9 พฤศจิกายน) บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) รายงานกำไรสุทธิ 3Q66 จำนวน 2.1 พันล้านบาท ลดลง 53%YoY และ 34%QoQ ต่ำกว่าการคาดการณ์จากรายการพิเศษ หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติเป็นไปตามคาดที่ 2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่ง แต่ลดลง 24%QoQ เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซันของการท่องเที่ยวในยุโรป
สำหรับรายการที่สำคัญในผลประกอบการ 3Q66 มีดังนี้
- ธุรกิจโรงแรม (76% ของรายได้): NHH (กิจการหลักในยุโรปของ MINT) รายงานกำไรปกติ 54.3 ล้านยูโรใน 3Q66 (หรือ ~85% ของกำไรปกติของ MINT) เพิ่มขึ้น 16%YoY แต่ลดลง 31%QoQ เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซันของการท่องเที่ยวในยุโรป อัตราการเข้าพักอยู่ที่ 71% ใน 3Q66 (เทียบกับ 69.5% ใน 3Q65 และ 72.5% ใน 2Q66) และอัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ARR) แข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 142 ยูโรต่อคืน (เพิ่มขึ้น 9%QoQ, ลดลง 6%QoQ) ส่งผลทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) อยู่ที่ 101 ยูโรต่อคืน (เพิ่มขึ้น 12%YoY, ลดลง 8%QoQ)
- ธุรกิจร้านอาหาร (18% ของรายได้): SSS โดยรวมหดตัวลง 2% ใน 3Q66 (เทียบกับเพิ่มขึ้น 16.6% ใน 3Q65 และ 8.1% ใน 2Q66) เมื่อแยกตามทำเลที่ตั้ง ประเทศไทยรายงาน SSS เติบโตแข็งแกร่งที่สุดที่ 1.6% (เทียบกับ 7.9% ใน 2Q66) ในขณะที่จีนอ่อนแอลงที่ 9.9% (เทียบกับเติบโต 39.8% ใน 2Q66) ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อ่อนแอลงท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และไม่มีผลกระทบจากการเปรียบเทียบกับฐานที่ตํ่าเนื่องจากมาตรการป้องกันโควิดที่ได้เริ่มผ่อนคลายในทุกภูมิภาคหลักตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565
- ดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%YoY แต่ทรงตัว QoQ อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ที่ 1.27 เท่า (30 กันยายน 2566) ลดลงจาก 1.34 เท่า (30 มิถุนายน 2566) และยังต่ำกว่า Debt Covenant ที่ 1.75 เท่า
กระทบอย่างไร:
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ณ เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น MINT ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง DoD อยู่ที่ระดับ 27.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.60%DoD สู่ระดับ 1,396.56 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติ 4Q66 ของ MINT จะลดลง YoY จากดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น และลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซันของการท่องเที่ยวในยุโรป ส่วนปี 2566 ยังคงประมาณการกำไรปกติไว้ที่ 6.8 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจาก 2.0 พันล้านบาทในปี 2565) และ 7.6 พันล้านบาทในปี 2567 (เพิ่มขึ้น 11%YoY)
ด้านราคาหุ้น MINT ที่ปรับตัวลดลง 14%YTD (เทียบกับ SET ที่ลดลง 16%) และซื้อขายที่ PBV ปี 2567 ระดับ 1.7 เท่า ต่ำกว่าระดับ -1SD ของ PBV เฉลี่ยในอดีต (1.9 เท่า) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า Valuation ไม่แพง และกลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือนสำหรับ MINT ไว้ที่ Outperform ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 44 บาทต่อหุ้น อ้างอิงวิธี Sum-of-the-Parts
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการเดินทางและต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร