วันนี้ (25 ตุลาคม) ความคืบหน้ากรณีที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าจับกุมตัว วีระชาติ รัศมี อายุ 45 ปี นายกเทศบาลตลุกดู่ จังหวัดอุทัยธานี พร้อมพวก
หลังสืบทราบว่ามีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างระบบท่อน้ำประปา โดยต่อมาได้ให้ประกันตัวเป็นวงเงิน 4 แสนบาท
ด้าน พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (รรท.ผบก.ทล.) และผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบ.ปปป.) กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานและตรวจค้นอีก 6 จุด พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ และเก็บข้อมูลไว้เป็นพยานหลักฐาน
ซึ่งยืนยันได้ว่าขณะนี้มีหลักฐานชัดเจนและเพียงพอ ส่วนจากนี้จะเป็นการเร่งขยายผลเพิ่มเติม และจะหาวิธีให้จังหวัดอุทัยธานีจากนี้ไร้ผู้มีอิทธิพล เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าทำงานได้ตามเดิม
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้พูดคุยกับ ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับปากว่าจะไม่ให้ผู้ก่อเหตุเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ทางตำรวจเองได้ขอความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัดอย่างกระทรวงมหาดไทยว่า อยากให้รับลูกช่วงต่อจาก บก.ปปป. เพราะหลังจากที่มีการจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐ อยากให้กระทรวงมีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยขาดจากตำแหน่งเดิมจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานต่างๆ
ทั้งนี้ ขอฝากไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองท้องถิ่นที่มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชันว่า วันหนึ่งหากตำรวจ บก.ปปป. ไปหาท่านถึงที่แล้ว ขอให้แน่ใจได้เลยว่ามีหลักฐานพร้อมดำเนินคดีแน่นอน ฉะนั้นจะต้องเลิกพฤติกรรมดังกล่าว
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ระบุว่า การที่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนเมื่อคืนนี้ เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิที่จะยื่นประกันได้ แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าหากในอนาคตมีการจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐในลักษณะดังกล่าวจะไม่ให้ประกันตัวเพื่อป้องกันการเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม จำเป็นจะต้องดูเป็นรายกรณีไป ถ้าผู้ใดให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ไม่มีพฤติกรรมใช้อิทธิพลข่มขู่พยานก็จะให้ประกันตัว
