ในช่วงวันพุธนี้ (25 ตุลาคม) หลังจากที่ราคา Bitcoin สามารถขึ้นมายืนที่ระดับ 34,440 ดอลลาร์ได้สำเร็จ คิดเป็นจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี อาจเป็นสัญญาณขาขึ้นรอบใหม่หรือไม่
โดยความเห็นจาก Morgan Stanley สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก ชี้ว่า “ฤดูหนาวของคริปโตได้จบลงไปแล้ว และการ ‘Halving’ ของ Bitcoin ในปีหน้า (2024) จะเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดกระทิงรอบใหม่”
Denny Galindo นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ได้เปรียบเทียบระยะของวัฏจักรคริปโตที่กินเวลา 4 ปีต่อหนึ่งวัฏจักร ออกเป็น 4 ระยะ เหมือนกับโลกของเราที่มี 4 ฤดูกาล
โดย ‘ฤดูร้อน’ ก็เหมือนกับตอนที่ Bitcoin กำลังจะ ‘Halving’ และการผลิต Bitcoin ในแต่ละบล็อกก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง ทำให้ความต้องการ (Demand) เทียบกับปริมาณที่ผลิต (Supply) ไม่สอดคล้องกัน ตลาดมีความร้อนแรง ทำให้ราคาพุ่งไปอย่างรุนแรง
และเมื่อราคาของ Bitcoin ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ มีผู้คนหน้าใหม่เข้ามาลงทุน สื่อต่างให้ความสนใจ ณ จุดนี้เองที่ ‘ฤดูร้อน’ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็น ‘ฤดูใบไม้ร่วง’
หลังจากที่ตลาดเริ่มเข้าสู่ขาลง นักลงทุนเริ่มไม่สนใจใน Bitcoin มีการขายทำกำไรออกมา ตลาดเริ่มไม่มีใครสนใจ ณ จุดนี้เองที่เป็น ‘ฤดูหนาว’ ซึ่งมักกินเวลากว่า 13 เดือน
ด้วยข้อสังเกตนี้เอง ทำให้ Denny มองว่า Bitcoin ในตอนนี้กำลังจะผ่านจุดต่ำสุดไป และมีโอกาสเป็นต้นรอบของตลาดกระทิงรอบหน้า เมื่อปีหน้า (2024) หลังการเกิด ‘Halving’ 1 ปี ราคา Bitcoin มีโอกาสพุ่งทำจุดสูงใหม่ได้
ไม่เพียงเท่านั้น แม้ว่าคริปโตจะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยงไว้เก็งกำไร และสินทรัพย์ที่ไม่ผลิตกระแสเงินสด (Non-Productive Assets) จึงอาจทำให้ถูกเทขาย จากการที่ ‘Bond Yield’ หรือ ‘อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรสหรัฐฯ’ ขึ้นมายืนในจุดสูงสุดในรอบ 16 ปี ที่ 4.80-4.90%
แต่ด้วยความที่ Bitcoin ถูกจัดเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าของเงิน (Store of Value) ได้เหมือนทองคำ จากการมีปริมาณจำกัด จึงทำให้สามารถรักษามูลค่าของเงินจากภาวะเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะสงครามในรัสเซีย-ยูเครน หรืออิสราเอล-ฮามาส และภาวะหนี้สินและการพิมพ์เงินของรัฐบาลที่ทำให้อำนาจซื้อของเงินตรา (Fiat Currency) ลดลง
ด้วยทั้ง 2 ปัจจัยที่กล่าวมา จึงทำให้นักลงทุนอาจมีการเทขายสินทรัพย์ประเภทอื่น และกระจายความเสี่ยงเข้ามาถือ Bitcoin ในช่วงนี้ จนระดับราคาขึ้นมาทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี
อ้างอิง: