วันนี้ (17 ตุลาคม) เวลา 15.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของสาธารณรัฐประชาชนจีน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่เป็นตัวประกันในอิสราเอลว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ตุลาคม) เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทางการไทยสามารถจัดเครื่องบินได้เพิ่มมากขึ้น สามารถนำคนไทยกลับมาได้เพิ่มอีก 600 คน แต่ยังไม่หยุดแค่นี้ เราพยายามหาทางนำคนไทยกลับมาให้มากและเร็วกว่านี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีคนไทยแสดงเจตจำนงที่จะเดินทางกลับเพิ่มมากขึ้นเกือบ 8,000 คน และที่เราสบายใจขึ้นคือไม่มีผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มเติม และทางการไทยยังได้ทำงานร่วมกับหลายๆ ประเทศในการเจรจากับฮามาสเพื่อให้ปล่อยตัวคนไทย ซึ่งรายละเอียดคงบอกไม่ได้ บอกได้แค่เพียงว่าเป็นทิศทางบวก และก่อนหน้านี้ตนได้ระบุว่าทางการอิสราเอลระบุว่าในพื้นที่อันตรายสามารถนำคนไทยออกมาได้แล้ว 99% แต่ส่วนตัวเข้าใจว่ายังไม่ถึง ยังมีคนติดค้างอยู่บ้าง เราจึงมีความพยายามที่จะกดดันและทำงานร่วมกันเพื่อนำคนออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม ในการอพยพคนไทยถึงวันนี้เป็นไปด้วยดี
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มี 2 เรื่องที่ยังมีคนและสังคมเกิดข้อกังขาถึงเครื่องบินที่บินไปรับคนไทย ยืนยันว่าเราได้มีการนำอาหาร น้ำดื่ม หรือแม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปช่วยเหลือด้วย และอีกเรื่องหนึ่งคือบางสายการบินที่ต้องบินอ้อมเพราะว่าเครื่องบินที่เช่าเหมาลำไม่มีสนธิสัญญาการบินข้ามน่านฟ้าระหว่างประเทศ ไม่ได้เกี่ยวว่าประเทศนั้นๆ ไม่ต้อนรับ ซึ่งจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือ 2 ชั่วโมง หรือมากกว่า ก็ไม่ได้ทำให้เป็นประเด็น เพราะเราต้องการเครื่องบินมากกว่า
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการเช่าเครื่องบิน Airbus A380 ซึ่งมีที่นั่งจำนวนมากเพื่อไปรับคนไทยนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีความคืบหน้าโดยมีการติดต่อไป 2 สายการบินคือ สายการบิน Emirates และ Qatar Airways ซึ่งเรามีความสัมพันธ์กันอยู่ มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ก็ต้องไปดูโลจิสติกส์ในด้านอื่นด้วย และวันนี้ได้รับทราบความคืบหน้าว่าเริ่มต้นการเจรจาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานมีแนวทางการช่วยเหลือแรงงานที่กลับมาแล้วยังเป็นหนี้ก้อนโตหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า เดี๋ยวจะกลับไปพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานว่าจะช่วยเหลืออะไรได้บ้างในแง่ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการไปทำงาน ขั้นต่อไปก็จะดูว่าจะสามารถเยียวยาอะไรได้บ้าง เดี๋ยวขอไปพูดคุยก่อน ซึ่งตนเห็นใจและเข้าใจ