Please Stand By เป็นภาพยนตร์ที่แฟนหนังบางคนจับตามอง เพราะหนึ่ง มีการพูดถึง Star Trek สอง นำแสดงโดย ดาโกตา แฟนนิง พี่สาวของ แอล แฟนนิง ที่ดาโกตาเคยฝากฝีมือการแสดงระดับเทพไว้ใน I Am Sam และสาม หนังเรื่องนี้ยังพูดถึงเรื่องพิเศษๆ อย่างการที่ตัวเอกของเรื่องเป็นออทิสติก ตัวอย่างภาพยนตร์ที่ออกมาก็พอจะเดามู้ดของหนังเรื่องนี้ได้ว่า ถ้าไม่ร้องไห้หนักมากก็คงฟีลกู๊ดหนักมาก
Please Stand By เป็นการทำงานของผู้กำกับวัย 71 ปี เบน เลวิน เจ้าของผลงานภาพยนตร์อย่าง The Sessions และล่าสุด The Catcher Was a Spy (ตัวหนังถ่ายทำหลังจาก Please Stand By และได้รับคำวิจารณ์ที่ดีกว่าด้วย) พร้อมด้วยฝีมือเขียนบทโดย ไมเคิล โกแลมโก
ดาโกตา แฟนนิง ที่เราจดจำเธอได้จากบทลูกสาวของพ่อที่พิการทางสมอง มาครั้งนี้เธอรับบท ‘เวนดี้’ สาวน้อยออทิสติกที่ชื่นชอบ Star Trek เป็นชีวิตจิตใจ เวนดี้ถูกย้ายมาอยู่ในบ้านพักผู้ป่วยออทิสติกและได้พบกับนักบำบัดชื่อ สก็อตตี้ ที่คอยดูแล (รับบทโดย โทนี่ คอลเล็ตต์) หน้าที่ของสก็อตตี้คือการดูแลเวนดี้และเด็กคนอื่นๆ ในบ้านให้รับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้ แม้เวนดี้ดูจะมีอาการดีขึ้นและแทบจะเหมือนคนปกติ แต่เธอก็ยังต้องการการยอมรับและความไว้วางใจจาก ออเดรย์ พี่สาวของเธอ (รับบทโดย อลิซ อีฟ) นั่นจึงทำให้เวนดี้ตั้งใจจะส่งบทภาพยนตร์ Star Trek ของตัวเองเข้าประกวดโดยไม่รับความช่วยเหลือจากใคร ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องผ่านเหตุการณ์ต่างๆ นานาที่เหมือนท้าทายให้ล้มเลิกความตั้งใจ
ด้วยเนื้อหาหลักของ Please Stand By แล้ว ตัวละครที่น่าจะกินใจคนดูได้มากที่สุดหนีไม่พ้น ‘เวนดี้’ สาวน้อยออทิสติกคนนี้ แต่ตลอดทั้งเรื่องเรากลับไม่เห็นสิ่งนั้นจากเธอเท่าไร ส่วนแอ็กติ้งของคนที่ต้องรับบทเป็นผู้ป่วยออทิสติกก็ไม่ได้เกินความคาดหมายเท่าไรนัก ในขณะที่ตัวละครนักบำบัดอย่างสก็อตตี้กลับมีบทบาทที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า และน่าจะเป็นตัวละครที่น่าชื่นชมที่สุดในเรื่อง
จุดน่าสนใจของ Please Stand By อยู่ตรงที่การหยิบ Star Trek มาเสริม หญิงสาวผู้ป่วยเป็นออทิสติกที่ชอบ Star Trek มาก เพราะเธอเปรียบเทียบตัวเองกับคาแรกเตอร์ของสป็อกที่มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์เช่นเดียวกับผู้ป่วยออทิสติก (ซึ่งกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์และกลุ่มผู้ป่วยออทิสติกมักถูกเชื่อมโยงกับคาแรกเตอร์ของสป็อกอยู่แล้ว) ทำให้เนื้อหาที่เล่าว่าเธอพยายามเขียนบทภาพยนตร์ Star Trek ส่งประกวดมันมีความหมายมากกว่าแค่การแข่งขันสนุกๆ แต่มันคือการเรียกร้องให้คนได้ยินเสียงของหญิงสาวตัวเล็กๆ เรื่องราวของเธอ และมองเห็นเธอเช่นเดียวกับคนปกติทั่วไป
แต่ในแง่ของเนื้อหาหลัก หนังกลับเล่าถึงเวนดี้ รวมถึงชีวิตของเธอในฐานะผู้ป่วยออทิสติกได้อย่างน่าผิดหวัง และอาจเป็นการตีความผู้ป่วยออทิสติกแบบผิวเผินจนเกินไป ในขณะที่บางฉากยังบกพร่องเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และค่อนข้างขัดอารมณ์ระหว่างการดู เช่น การไม่เคลียร์คนในฉากระหว่างถ่ายทำกลางเมือง หรือความไม่สมเหตุสมผลของเนื้อหาบางอย่าง จนอดคิดไม่ได้ว่าผู้กำกับพยายามจะฝืนทิศทางหนังจนเกินไป และในตอนจบ ผลที่ออกมามันจึงไม่สร้างความรู้สึกฟีลกู๊ดหรือกระทั่งทำให้เราเสียน้ำตาได้ ทั้งๆ ที่ประเด็นของหนังเดินมาถูกทางแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางตอนของ Please Stand By ก็ยังทำให้เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่ารักและไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร ด้วยฉากที่เล่าเรื่องออกแนวผจญภัยของเวนดี้และน้องหมาพีทที่ทำให้คนดูยิ้มออกมาได้ เสริมด้วยการเลือกใช้เพลงประกอบหลักๆ จากวง Au Revoir Simone ที่เพิ่มกลิ่นอายหนังอินดี้อารมณ์ดีตลอดเรื่อง
Please Stand By เป็นหนังที่มีทั้งคนรักและผิดหวัง แต่มันก็เหมาะสำหรับคนที่มองหาภาพยนตร์ง่ายๆ เอาไว้ดูตอนที่ไม่อยากรับเนื้อหาหนักๆ หรือแฟนคลับ Star Trek ที่อยากไปดูเรเฟอเรนซ์ในหนัง แต่สำหรับคนที่เตรียมตัวไปดู Please Stand By ด้วยความหวังจะได้เจอภาพยนตร์แนว Wonder, I Am Sam หรือ Little Miss Sunshine ก็ต้องบอกเลยว่าอาจจะไม่ใช่
