เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) รายงานกำไรสุทธิ 2QFY66 (เดือนมิถุนายน-สิงหาคม) เพิ่มขึ้น 36%QoQ (ECL ลดลง และมีกำไรจากการขาย NPL) แต่ลดลง 7%YoY (ECL เพิ่มขึ้น) สู่ 842 ล้านบาท เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
โดยมีรายการที่สำคัญในผลประกอบการดังนี้
- คุณภาพสินทรัพย์: Credit Cost ลดลง 62 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 37 bps YoY) สู่ 8.3% อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น 20 bps QoQ LLR Coverage ลดลงสู่ 174% จาก 184% ณ 1QFY66
- การเติบโตของสินเชื่อ: สินเชื่ออยู่ในระดับทรงตัว QoQ และ YoY
- NIM: NIM ลดลง 2 bps QoQ ผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 19 bps QoQ ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 33 bps QoQ
- Non-NII: Non-NII เพิ่มขึ้น 24%QoQ (เพิ่มขึ้น 27%YoY) เพราะมีกำไรจากการขาย NPL จำนวน 167 ล้านบาท
- อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: ลดลง 63 bps QoQ แต่เพิ่มขึ้น 94 bps YoY สู่ 40.6% Opex เพิ่มขึ้น 2%QoQ และ 4%YoY
กระทบอย่างไร:
วันที่ 9 ตุลาคม 2566 ณ เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น AEONTS ปรับลง 0.33%DoD อยู่ที่ระดับ 151.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.78%DoD อยู่ที่ระดับ 1,427.24 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี FY2566:
InnovestX Research คาดว่ากำไร 3QFY66 จะลดลง YoY (ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น) และ QoQ (ไม่มีกำไรจากการขาย NPL เหมือนไตรมาสก่อนหน้า) สำหรับปี FY2566 คาดว่ากำไรจะลดลง 18% โดยเกิดจากสินเชื่อที่เติบโต 5% NIM ที่หดตัวลง 84 bps Credit Cost เนื่องจากต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น หนี้สูญรับคืนที่เติบโต 12% และ Credit Cost ที่เพิ่มขึ้น 35 bps
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคงเรตติ้ง Neutral สำหรับ AEONTS และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 177 บาทต่อหุ้น (PBV 1.65 เท่า และ P/E 13.1 เท่า สำหรับปี FY2567)
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ
- ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง
- ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
- ความเสี่ยงด้านกฎหมายจากมาตรการลดหนี้ครัวเรือนของ ธปท.