ราคาน้ำมันดิบโลกพุ่ง 5% หลังสงครามอิสราเอล ฮามาส ขณะที่บรรดาผู้ค้าน้ำมันต่างจับตาไปที่ความเคลื่อนไหวของอิหร่าน ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ล่าสุด ทางไทย นำโดย ‘กระทรวงพลังงาน’ ระบุว่า แม้ไม่ได้นำเข้าจาก 2 ประเทศโดยตรง และมีปริมาณน้ำมันสำรองล่วงหน้า 2 เดือน แต่กังวลราคาพลังงาน เนื่องจากพื้นที่สงครามอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีผู้ผลิตของโลกและซัพพลายเออร์รายใหญ่กำลังกดดันราคาตลาดโลกผันผวน
รายงานข่าวระบุว่า ราคาน้ำมันดิบโลก ปรับตัวขึ้นมากกว่า 5% อยู่ที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังอิสราเอลประกาศเข้าสู่ภาวะสงคราม เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของอุปทานน้ำมันเกือบ 1 ใน 3 ของโลก โดยนักลงทุนต่างออกมาวิเคราะห์ว่า หากสงครามยังทวีความรุนแรงมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลกผันผวน ซึ่งขณะนี้ผู้ค้าน้ำมันต่างจับตามองไปที่ความเคลื่อนไหวของอิหร่าน ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามไม่ใช่แค่ราคาน้ำมัน ยังรวมไปถึงราคาทองที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งผลักดันให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- รู้จัก ‘อิสราเอล’ ประเทศที่มีประชากรเพียง 9 ล้านคน แต่เต็มไปด้วยคนเก่งสตาร์ทอัพ จนกลายเป็นดินแดนแห่งขุมทรัพย์ Fintech อันดับต้นๆ ของโลก
- เปิดขุมทรัพย์ใหม่อุตสาหกรรมไทย ‘ซาอุดีอาระเบีย’ มีอะไรที่ไม่ใช่น้ำมัน ทำไมบิ๊กคอร์ปไทยจึงต้องปักหมุด
- สงคราม ‘อิสราเอล-ฮามาส’ เพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก จ่อดันน้ำมัน-เงินเฟ้อพุ่ง! กดดันธนาคารกลาง Higher for Longer
ไทยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่กังวลราคาพลังงานโลก
ล่าสุด ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะไม่ได้นำเข้าเชื้อเพลิง ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากอิสราเอลหรือปาเลสไตน์ เนื่องจากปัจจุบันไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากประเทศกลุ่มตะวันออกกลางประมาณ 57% และในส่วนของ LNG นำเข้าจากต่างประเทศประมาณร้อยละ 33 จากหลากหลายแหล่ง
อย่างไรก็ตาม เพื่อประเมินและเตรียมความพร้อมหากเกิดสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น เบื้องต้นได้เตรียมความพร้อมด้านปริมาณสำรองพลังงาน โดยปัจจุบันไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบ 3,910 ล้านลิตร ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอีก 1,637 ล้านลิตร น้ำมันสำเร็จรูป 2,180 ล้านลิตร ทำให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองใช้ได้กว่า 2 เดือน แบ่งเป็น น้ำมันดิบ 33 วัน อยู่ระหว่างขนส่งอีก 14 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 20 วัน ส่วนก๊าซหุงต้ม (LPG) สำหรับในภาคครัวเรือนใช้ได้ 21 วัน
“แต่หากสถานการณ์มีความยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น สิ่งที่น่ากังวลที่สุดจะเป็นเรื่องของราคาพลังงานโลก เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกพลังงานรายใหญ่ของโลก ซึ่ง Sentiment หรือสภาวะอารมณ์ของตลาดอาจจะมีผลทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้นได้ แม้ว่าในปัจจุบันราคาน้ำมันจะยังคงแกว่งตัวในช่วงแคบๆ แต่ยังคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด” ประเสริฐกล่าว
นอร์ธเทิร์น กัลฟ์ ปิโตรเลียม ประกาศเริ่มผลิตน้ำมันดิบ ‘แหล่งน้ำมันรสสุคนธ์’ ในอ่าวไทย
ขณะเดียวกัน เมื่อเร็วๆ นี้ มาริษา เย็นบำรุง กรรมการบริษัท นอร์ธเทิร์น กัลฟ์ ปิโตรเลียม ระบุว่า นอร์ธเทิร์น กัลฟ์ ปิโตรเลียม ประกาศความพร้อมเริ่มผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งน้ำมันรสสุคนธ์ในอ่าวไทย ต้นเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้ ด้วยกำลังการผลิต 10,000-12,000 บาร์เรลต่อวัน โดยถือเป็นแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่เตรียมความพร้อมในการโอเปอเรตได้เร็วที่สุดภายใน 6 เดือน และมีคนไทยเป็นเจ้าของสัมปทานทั้ง 100%
ทั้งนี้ ในระยะต่อไปคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ถึง ประมาณ 15,000-20,000 บาร์เรลต่อวัน ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย นอกจากช่วยให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน และสร้างรายได้ให้กับรัฐทั้งในรูปของค่าภาคหลวง และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมภายใต้ระบบสัญญาสัมปทานแล้ว ยังช่วยทดแทนการนำเข้าน้ำมันดิบและช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศตามนโยบายของกระทรวงพลังงานอีกด้วย
อ้างอิง: