โจทย์ใหญ่รัฐบาลเศรษฐา? จับตาราคาน้ำมันโลก ไทยตั้งรับทุกปัจจัย ทั้งค่าเงินบาทอ่อน OPEC ลดซัพพลาย สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจ่อเสนอรัฐบาลดูแลราคาดีเซลปี 2567 หลังมาตรการตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ขณะที่เงินกู้ 150,000 ล้านบาท ก็จะสิ้นสุดวันที่ 5 ตุลาคมนี้เช่นกัน หวั่นราคาน้ำมันพุ่งทะยานช่วงสิ้นปี สะเทือนกองทุนกลับมาติดลบแตะแสนล้านบาท
วิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลขณะนี้แตะระดับ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังซาอุดีอาระเบียลดกำลังการผลิต รัสเซียงดส่งออก ส่งผลให้ภาพรวมราคาน้ำมันโลกและอัตราดอกเบี้ยยังสูงต่อเนื่อง อีกทั้งระหว่างนี้ต้องจับตาเศรษฐกิจจีนที่มีปริมาณการใช้น้ำมันมากที่สุด รวมไปถึงกลุ่ม OPEC+ ซึ่งเป็นผู้กำหนดซัพพลาย โดยเฉพาะค่าเงินบาทของไทยที่อ่อน 37 บาทต่อดอลลาร์ จากปัจจัยดังกล่าวล้วนส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกขณะนี้ค่อนข้างผันผวน โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- วิเคราะห์ ‘ลดราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้า’ นโยบายว้าวุ่นที่เกาไม่เคยถูกที่คัน?
- Goldman Sachs ชี้ความต้องการน้ำมันและทองแดงในจีนกำลังเฟื่องฟู ขณะที่ราคาน้ำมันเริ่มฟื้นตัวจากแนวโน้มอุปทานทั่วโลกที่ตึงตัว
อย่างไรก็ตาม สกนช. อยู่ระหว่างจัดทำแผนบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อดูแลราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในปี 2567 หลังการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2566 จึงได้มอบหมายให้ สกนช. จัดทำแผน Scenario หลังก่อนหน้านี้ กบน. มีมติให้ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคมนี้
ส่วนการกู้ยืมเงินเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันตามกรอบวงเงิน 150,000 ล้านบาท จะครบกำหนด 1 ปี หรือสิ้นสุดลงในวันที่ 5 ตุลาคมนี้เช่นกัน
ถกคลังวางนโยบายการบริหารงบประมาณ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้จะต้องหารือกับกระทรวงการคลังถึงแนวนโยบายการบริหารจัดการงบประมาณที่เหมาะสมด้วย ซึ่งตามกฎหมายก็มีเครื่องมือที่ สกนช. จะนำมาใช้บริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ
ไม่ว่าจะเป็นกลไกการเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ การกู้เงิน งบประมาณอุดหนุนจากภาครัฐ เงินบริจาค เช่น ในปี 2565 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้บริจาคเงิน 3,000 ล้านบาท เพื่อมาช่วยสนับสนุนกองทุนน้ำมันฯ
รวมถึงยังมีกลไกภาษีสรรพสามิตจากกระทรวงการคลังที่ลดการจัดเก็บภาษีลง 5.99 บาทต่อลิตร ซึ่งปัจจุบันยังลดการจัดเก็บไม่หมด เหลืออยู่ที่ 3.67 บาทต่อลิตร ซึ่งการหารือกับกระทรวงการคลังจะเป็นอีกแนวทางในการนำมาประกอบการจัดทำสมมติฐานหรือ Scenario เพื่อบริหารจัดการราคาน้ำมันในปี 2567 ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในเดือนพฤศจิกายน
หวั่นปลายปีกองทุนน้ำมันติดลบแสนล้าน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สกนช. ได้ดำเนินการกู้เงินทั้งหมดอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท และยังเหลือเงินประมาณ 50,300 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ดูแลราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้
ดังนั้นจึงประมาณการว่าสถานะกองทุนน้ำมันฯ จะติดลบอยู่ที่ระดับ 90,000-100,000 ล้านบาท (ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 120-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล) จากสถานะล่าสุด วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ยังคงมีสถานะติดลบสะสมอยู่ที่ 65,732 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมัน ติดลบ 20,806 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 44,926 ล้านบาท
คาดปีหน้าราคาน้ำมันดีเซลโลกแตะ 115-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ ทิศทางการดำเนินงานปี 2567 คาดว่าประมาณการราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกจะอยู่ที่ 115-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาเชื้อเพลิงยังคงเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลัก ดังนี้
- การปรับลดอัตราการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC และ OPEC+
- ดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงสูง
- ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จะยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการบริหารจัดการ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้เหมาะสม โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลและก๊าซ LPG ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่มีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน และต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกต่อไป