วันนี้ (29 กันยายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ซึ่งมีเนื้อที่ในการก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 7,000 ไร่
เศรษฐาได้สอบถามถึงการเวนคืนที่ดิน พร้อมเน้นย้ำว่าอย่าทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการเวนคืนที่ดิน โดยได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินการเวนคืนที่ดิน เพื่อประเมินเป็น KPI ให้รู้ถึงความคืบหน้าการดำเนินงาน เบื้องต้นได้ตั้งกรอบระยะเวลาไว้ 18 เดือน ซึ่งมีจำนวน 1 ใน 3 ของที่ดินทั้งหมด 7,000 กว่าไร่ที่ยังไม่ได้เวนคืน จึงอยากให้ทำแผนว่าทั้งหมดมีกี่ไร่และระยะเวลาเท่าไร เพื่อบริหารจัดการความคาดหวังและวางแผนการออกแบบได้ เพราะบางอย่างสามารถทำคู่ขนานกันได้ และไม่อยากทำเร็วเกินไป เนื่องจากมีปัญหาเรื่องงบประมาณด้วย ทุกอย่างต้องรักษากรอบวินัยการเงินการคลัง
เศรษฐายังระบุว่า การลงพื้นที่วันนี้เป็นครั้งที่ 2 ในระยะเวลาไม่ถึงเดือน โดยช่วงเช้าตนได้ไปเปิดอาคาร SAT-1 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งท่าอากาศยานได้ต่อเติมเพิ่มเพื่อรองรับผู้โดยสาร สำหรับการเพิ่มเที่ยวบินและการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวของรัฐบาลนี้
ส่วนการเดินทางมาที่จังหวัดภูเก็ตในวันนี้ เพื่อมาติดตามความคืบหน้าจากที่ครั้งแรกได้มารวบรวมข้อมูล และหลังจากวันที่ 11 กันยายน เมื่อมีอำนาจสั่งการให้ดูแลเรื่องการจราจรที่ติดขัดอย่างหนักในจังหวัดภูเก็ต ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ทำให้การเดินทางไปสนามบินจากที่ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และต้องปรับปรุงเส้นทางกะทู้-ป่าตอง ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้กลับไปทำการบ้านมาอย่างดี โดยจะทำถนน 3-4 สายในทันที ทั้งการเจาะภูเขาหรือถนนที่อ้อมจากในเมืองถึงสนามบิน รวมถึงถนนสายอื่นๆ ที่ไม่ทำให้การจราจรติดขัด เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน เชื่อว่าจะเป็นมิติใหม่ในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้
“วันนี้ชาวภูเก็ตไม่ต้องคอยแล้วครับ รัฐบาลนี้จะเริ่มต้นแผนพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างดีและเร็วที่สุด มีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวมถึงที่เรามายืนอยู่จุดนี้ ที่ดิน 7,000 กว่าไร่ สำหรับเป็น International Airport ซึ่งจะรองรับพื้นที่ภูเก็ต พังงา กระบี่ และระนอง โดยใช้ชื่อเบื้องต้นว่าอันดามันอินเตอร์เนชันแนลแอร์พอร์ต โดยจะรองรับเที่ยวบินได้หลายสิบไฟลต์ เพียงพอต่อเที่ยวบินที่จะมาลงโดยไม่ต้องขยายเพิ่มอีกแล้ว ถือเป็นนิมิตหมายอันดีของชาวภาคใต้ที่จะได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่” เศรษฐากล่าว
ส่วนการเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในไตรมาส 4 เศรษฐาได้ขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติและการท่าอากาศยานฯ ที่เตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งการอนุญาตให้ไรเดอร์เข้าไปรับนักท่องเที่ยวได้ถึงประตู ลดระยะทางในการเดินออกไป ขณะที่เรื่องของการตรวจคนเข้าเมืองต้องบริหารจัดการไม่ให้คิวยาว เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีความประทับใจ ขณะที่การยกเลิกการขอวีซ่าของนักท่องเที่ยวจีนก็เห็นได้ชัดว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากถึง 80% แล้ว และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็น Quick Win ที่พูดได้ว่าประสบความสำเร็จในขั้นต้น และได้รับความร่วมมือจากทุกองค์กรอย่างเต็มที่ ในฐานะรัฐบาลขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ตั้งใจและใส่ใจในเรื่องนี้
แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐายอมรับด้วยว่ายังมีความเป็นห่วงในทุกเรื่อง เพราะในสถานการณ์ที่เราเพิ่มธุรกิจขึ้นมาหลายอย่าง ขณะที่เรื่องความมั่นคงก็ต้องดูแลให้ดี ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ยืนยันว่าจะลงพื้นที่ และเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายจะมีความพร้อม ขณะเดียวกันก็ต้องทำเรื่องอื่นควบคู่กันไปด้วย เช่น ททท. ต้องทำการโปรโมต รวมถึงเรื่อง Fake News ก็ต้องบริหารจัดการแก้ไข ซึ่งทั้งหมดได้พูดคุยและเฝ้าระวังปัญหาต่างๆ อย่างใกล้ชิด
สำหรับการเตรียมการเรื่องโครงสร้างพื้นฐานรองรับสนามบินแห่งใหม่ เศรษฐากล่าวว่า ในอนาคตจะมีการเชื่อมต่อการคมนาคม เนื่องจากเป็นสนามบินนานาชาติ
ส่วนระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ เศรษฐาระบุว่า ต้องพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องโรงกำจัดขยะ ซึ่งต้องฝากกระทรวงมหาดไทยให้ช่วยดูแล เนื่องจากการขยายสนามบินมาพร้อมความเจริญ หลายส่วนจะต้องร่วมมือกัน เป็นเรื่องสำคัญ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำ ได้มีการพูดคุยกับทุกฝ่ายเพื่อร่วมมือกัน
ทั้งนี้ ระหว่างลงพื้นที่มีประชาชนมามอบดอกไม้รอต้อนรับและให้กำลังใจ โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ แต่มีข้อเสนอแนะเรื่องผลกระทบจากการทำสนามบิน ซึ่งมี 35 ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ ขอให้ดูแลชดเชยเยียวยาให้เหมาะสม